QZGS

[Fic QZGS] – The rainy day, when I met a cat 2 (ส่านซิว)

[AU Fic 全职高手] – The rainy day, when I met a cat 2 (ส่านซิว)
ชื่อไทย : อย่าปล่อยบอสไว้กับแมว
#ส่านซิว #CEOทาสแมว
Genre : slice of life,fantasy,romantic
note : คาดว่าทุกคนคงลืมเรื่องนี้แล้ว คำเตือน มีตัวละครที่ยังไม่ปรากฏในเล่มปัจจุบัน

ตอนก่อนหน้า : 1

 

 

 

 

– กฏของการเป็นทาสแมวข้อที่ 1 : ใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกินอยู่เสมอ –

 

 

 

 

ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ

 

นาฬิกาดิจิตอลส่งเสียงดังน่ารำคาญในยามเช้า ปลุกชายหนุ่มที่หลับไหลให้ฟื้นจากห้วงนิทรา ซูมู่ชิวลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลไร้แววง่วงงุน ชายหนุ่มลุกขึ้นเสยผมด้านหน้าที่ปรกดวงตา มือที่ปัดป่ายไปด้านข้างด้วยความเคยชินปะทะกับกลุ่มขนนุ่มนิ่ม

 

ที่แท้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่เขาพึ่งเก็บมาเลี้ยงเมื่อวานนั่นเอง

 

แมวดำยังคงนอนขดตัวอยู่ด้านข้างอย่างสบายอารมณ์ อาซิวหลับตาพริ้ม เสียงครืดคราดในลำคอส่งผ่านปลายนิ้วมือของชายหนุ่ม รอยยิ้มถูกวาดบนริมฝีปาก เขาลูบหัวมันสองสามที ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง

 

 

“ตื่นแล้วหรือคะ”

 

เสียงกังวาลใสแจ๋วดังออกมาจากในครัวเมื่อเขาเปิดประตูออกมา ซูมู่ชิวขานรับ เห็นแผ่นหลังเล็กๆ กำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมอาหาร ก็เอ่ยไถ่ถามน้องสาวเพียงคนเดียวของตน

 

“เมื่อคืนกลับมากี่โมง”

 

ซูมู่เฉิงหัวเราะ ด้วยรู้นิสัยขี้เป็นห่วงของพี่ชายตนเองดี จึงหันกลับมายิ้มให้

 

“กลับมาตอนห้าทุ่มค่ะ”

 

ซูมู่ชิวพยักหน้า นั่งลงที่โต๊ะอาหาร หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านหัวข้อข่าวที่น่าสนใจยามเช้า ไม่ถึงห้านาทีโจ๊กร้อนๆ หอมกรุ่นก็ถูกวางลงตรงหน้าของเขา

 

“ฝีมือทำอาหารของเธอนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ เลย!” ซูมู่ชิวตักชิมไปคำนึงแล้วถอดถอนใจ น้องสาวเขานับวันจะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

 

ซูมู่เฉิงหัวเราะ ตักโจ๊กส่วนของตัวเองแล้วไปนั่งลงตรงข้ามกับพี่ชายของตน “ก็ดีแล้วนี่คะ ฉันจะได้ทำอาหารให้พี่กินบ่อยๆ ไง!”

 

ซูมู่ชิวส่ายหน้า ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกเสียงร้องเบาๆ ที่ด้านล่างดึงความสนใจไปเสียก่อน

 

“พี่เลี้ยงแมวด้วย!” ซูมู่เฉิงร้องวี๊ดว๊าย ตาเป็นประกายเมื่อเห็นเจ้าเหมียวน้อยน่ารักเดินนวยนาดอยู่ใต้โต๊ะ จากนั้นเจ้าแมวดำก็กระโดดขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ข้างพี่ชายตน แต่เนื่องจากเก้าอี้เป็นเก้าอี้สำหรับคน ไม่ใช่สำหรับแมว มันจึงโผล่มาได้แค่ส่วนหัวเท่านั้น เรียกสายตาเอ็นดูจากซูมู่เฉิงมากขึ้นไปอีก

 

ซูมู่ชิวทำหน้าแปลกประหลาด เจ้าแมวดำนี่จะแสนรู้ไปหน่อยหรือไม่?

 

“พี่พึ่งเก็บมันกลับมาเมื่อวานน่ะ” เห็นซูมู่เฉิงเดินไปเล่นกับแมวอย่างกระตือรือร้น เขาจึงเอ่ยขึ้น “ชื่ออาซิว”

“น่ารักมากเลย” สาวน้อยก็ยังเป็นสาวน้อยอยู่วันยังค่ำ เธอเกาคางให้อาซิวเบาๆ เจ้าแมวดำหลับตาพริ้ม อยู่นิ่งๆ ให้หญิงสาวเล่นกับมันตามสบาย

 

หลังจากซูมู่เฉิงสังเกตเห็นอาหารแมวที่วางอยู่บนชั้น จึงลุกขึ้นเพื่อไปหยิบอาหารมาเทให้สมาชิกใหม่ แต่กลับโดนซูมู่ชิวขัดก่อน

 

“เอาแบบที่เธอทำให้พี่นั่นแหละ”

 

ซูมู่เฉิงทำหน้าแปลกใจ แต่ก็เดินไปตักโจ๊กร้อนๆ มาวางไว้ให้อาซิว แมวดำชะเง้อคอมอง หญิงสาวชะงักไปก่อนหัวเราะ แล้วเอาเบาะรองนั่งมาให้อาซิว ทำให้เจ้าแมวสามารถกินอาหารได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

 

ซูมู่เฉิงกลับไปนั่งเดิม รออาซิวกินอาหารอย่างใจจดใจจ่อ อาซิวก้มลงกินอาหารไปคำหนึ่งแล้วรีบผละออกมา แล้วสองพี่น้องก็ได้เห็นของแปลก เช่นแมวทำหน้าเบี้ยวเป็นครั้งแรก

 

“เป็นอะไร ไม่อร่อย?” ซูมู่ชิวหรี่ตาใส่แมวดำที่เมินอาหารน้องสาวสุดรักสุดหวงของตน ซูมู่เฉิงมองๆ ดูครู่หนึ่งก็เหมือนนึกอะไรได้ กำมือทุบดังปุ

 

“ฉันเคยอ่านเจอว่าแมวไม่ชอบกินของร้อน” ซูมู่เฉิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “สงสัยจะลิ้นพองแล้วมั้งเนี่ย ฮ่ะๆ”

 

“อ้อ” ซูมู่ชิวเหงื่อตก เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ต้องยกให้หญิงสาวจริงๆ

 

หลังจากรอจนโจ๊กหายร้อน สองพี่น้องก็เห็นแมวดำก้มลงไปกินอย่างเชื่องช้า ตลอดเวลาไม่มีโจ๊กหกออกมานอกชามเลยแม้แต่หยดเดียว ทำให้ซูมู่เฉิงมองด้วยความประหลาดใจ

 

วันนี้เป็นวันหยุด พี่น้องตระกูลซูจึงอยู่ติดบ้าน และได้เห็นพฤติกรรมหลายอย่างของอาซิว อาซิวมักจะไม่กวนพวกเขาก่อน ดูเหมือนจะชอบเดินเล่นไปเรื่อย และชอบนอนเป็นที่สุด

 

“อาซิวฉลาดมากๆ เลย” ซูมู่เฉิงชม ดูจะถูกใจสัตว์เลี้ยงตัวนี้เอามาก

 

แต่ซูมู่ชิวกลับกลุ้มใจเล็กน้อย

 

เขาคิดว่าอาซิวอาจมีเจ้าของแล้ว และบางทีคงพลัดหลงออกมาจากบ้าน ดูได้จากพฤติกรรมเป็นระเบียบของอาซิวที่เหมือนถูกฝึกมาอย่างดี พอเล่าความคิดให้น้องสาวของตนฟัง ซูมู่เฉิงก็เสนอง่ายๆ

 

“งั้นก็โพสต์ลงเน็ตก่อนสิคะ ถ้าไม่มีคนมาติดต่อ พวกเราก็รับอาซิวไว้เลยไง!”

 

ซูมู่ชิวเห็นด้วยกับน้องสาว หลังจากจัดการโพสต์รูปลงเน็ตเรียบร้อย ก็เห็นอาซิวนั่งทำหน้าตายอยู่ข้างจอ เหมือนมาดูว่าเขากำลังทำอะไร

 

ซูมู่ชิวหมันไส้กับท่าทางเหมือนเจ้านายของแมวนี่มาก จึงใช้นิ้วดีดปลายจมูกเล็กๆ นั่นเบาๆ อาซิวมองด้วยหน้าปลาตายเช่นเดิม ทำให้ซูมู่ชิวรู้สึกเหมือนกำลังถูกเจ้าแมวนี่หยามเหยียดทางสายตา

 

จากนั้น…ซีอีโอหนุ่มผู้โด่งดังก็ดึงแมวลงมาฟัดบนตักอย่างรวดเร็ว!

 

“ม้าว!”

 

อาซิวบิดตัวหลบไปมาบนตัก พยายามตะเกียกตะกายให้พ้นเงื้อมือมัจจุราจแต่ไม่อาจหนีไปได้จึงส่งเสียงร้องประท้วง รอจนซูมู่ชิวฟัดพุงแมวจนสาแก่ใจ ชายหนุ่มถึงได้ยอมปล่อยมือออกจากสัตว์เลี้ยงของตน

 

อาซิวที่เป็นอิสระรีบกระโดดแผล็วไปอยู่หลังซูมู่เฉิงที่เปิดประตูเข้ามาอย่างงุนงง เธอมองพี่ชายที่นั่งหน้านิ่งเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวอุ้มอาซิวขึ้นมาแล้วเดินเขาไปหาซูมู่ชิว โดยไม่สังเกตเลยว่าแมวในอ้อมอกตนมีท่าทางอยากจะหนีสุดชีวิต

 

“พี่คะ ไหนๆ วันนี้เราก็ว่าง ไปหาซื้อของให้อาซิวกันไหมคะ” ซูมู่เฉิงเอ่ยถามอย่างร่าเริง

 

“ซื้อของ? เอาสิ!” พิจารณาเพียงครู่เดียวซูมู่ชิวก็ตอบตกลง ทั้งคู่ถือเป็นมือใหม่ด้านการเลี้ยงแมวขนานแท้ ซูมู่ชิวใช้โน้ตบุ๊คเสิร์ชดูของจำเป็นต่างๆ ที่ต้องใช้ หลังจากให้ซูมู่เฉิงจดรายการทั้งหมดแล้ว ทั้งสองคนพ่วงด้วยแมวอีกหนึ่งตัวก็ขับรถตระเวนซื้อของกันอย่างสนุกสนาน

 

การพาอาซิวมาซื้อของครั้งนี้ก็ทำให้ซูมู่ชิวพบสิ่งแปลกใหม่อีกครั้ง

 

เมื่อเขาซื้อของที่อาซิวไม่ชอบ แมวดำจะเอาอุ้งเท้ามาตีเขาเบาๆ หนึ่งที คราแรกซูมู่ชิวไม่สนใจ จนโดนหลายครั้งเข้า ชายหนุ่มก็เริ่มเอะใจ จึงหยั่งเชิงโดยการเอาของไปเก็บไว้ที่เดิม แมวดำเห็นดังนั้นก็ร้องอย่างพึงพอใจ ส่วนของอีกหลายอย่างเขาก็ไม่รู้ว่าอาซิวชอบหรือไม่ เพราะหลังๆ มันนอนฟุบลงกับขาหน้าอย่างเกียจคร้าน ปล่อยให้พวกซูมู่ชิวเลือกซื้อของกันต่อไปอย่างไม่สนใจ

 

กลับมาถึงห้อง ซูมู่เฉิงปล่อยอาซิวที่อ้าปากหาวลงที่หน้าประตู พี่น้องตระกูลซูช่วยกันจัดข้าวของโดยมีอาซิวนั่งแกว่งหางอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างๆ

 

ซูมู่ชิวย้ายบ้านแมวใหม่เอี่ยมเข้าไปไว้ในห้องนอนของเขา ซูมู่เฉิงดูเหมือนอยากให้อาซิวเข้านอนกับตนบ้าง แต่ไม่ว่าจะร้องเรียกหรือหลอกล่ออย่างไรอาซิวก็ไม่ยอมเข้าไปให้ห้องเธอเด็ดขาด

 

“ท่าทางเขาจะชอบพี่นะคะ” ในที่สุดซูมู่เฉิงก็ยอมแพ้ กล่าวอย่างเสียดาย

 

 

หลังจากซูมู่ชิวอาบน้ำเสร็จก็นั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊คเพื่อจัดการงานที่ค้างเอาไว้ บนบ่ากว้างมีผ้าขนหนูพาดอย่างลวกๆ ไม่ใส่ใจ ขณะตรวจงานก็นั่งเช็ดผมไปด้วย

 

ชายหนุ่มมองจอแสดงผลอย่างพึงพอใจ หุ้นในมือเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว ซูมู่ชิวคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กล่าวได้ว่าซูมู่ชิวมีสายตาที่ดี และมีมันสมองที่ดียิ่งกว่า ไม่เช่นนั้นลำพังเงินที่ได้จากธุรกิจของเขาคงไม่พอที่จะซื้อหุ้นของเจียซื่อมาได้มากขนาดนั้น

 

ซูมู่ชิวทำงานหนักตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นหน่อยก็เริ่มสนใจในวงการธุรกิจ แม้จะมีเงินเก็บที่ได้จากพ่อแม่ที่เสียชีวิตไป แต่เพราะมีน้องสาวที่ต้องเลี้ยงดูอีกหนึ่งคน ซูมู่ชิวจึงไม่กล้าที่จะใช้เงินฟุ่มเฟือย เขานำเงินออกมาลงทุนอย่างระมัดระวัง โชคดีที่ประสบผลสำเร็จ

 

 

ทั้งชีวิตของชายหนุ่มมีแต่เรื่องงานและน้องสาว ไม่เคยมีเรื่องความรักมารบกวนให้รำคาญใจ ก่อนหน้าก็มีคนเข้ามาบ้างเหมือนกัน แต่ซูมู่ชิวในตอนนั้นสนใจแต่เรื่องทำงานหาเงิน ไม่มีเวลาสนใจความรัก ส่วนช่วงหลังแม้มีเวลา แต่คนที่เข้ามาก็เพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งซูมู่ชิวไม่สนใจผู้หญิงประเภทนี้เลยสักนิด

 

ซูมู่ชิวนั่งเหม่อจนกระทั่งรู้สึกหนักๆ จึงตื่นจากภวังค์ มองแมวดำที่ร้องม้าวบนตักของตน ดวงตาสีอำพันต้องแสงจากโคมไฟ สะท้อนประกายประหลาดในยามราตรี

 

แมวตัวนี้ประหลาดมาก เพียงแค่มองตาก็ราวกับสามารถรับรู้ว่ามันรู้สึกแบบใด ราวกับเป็นมนุษย์ ซูมู่ชิวอาจจะดูเหมือนประสาทหลอนไปเอง แต่เขารู้สึกเช่นนี้จริงๆ

 

ซูมู่ชิวเกาที่คางและใบหูของอาซิวเบาๆ เจ้าแมวร้องเหมียว เผลอขยับเข้าซุกฝ่ามือของซูมู่ชิว ชายหนุ่มโดนดาเมจกระแทกเข้าเต็มๆ จนมือสั่นไปหมด แต่ก็ยังทำหน้านิ่งเสมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร

 

หลังจากเดินมาให้เขาปรนนิบัติจนพอใจแล้ว อาซิวก็กระโดดลงจากตัก เดินนวยนาดจากไป ซูมู่ชิวรู้สึกขำปนเอ็นดู จากนั้นก็กลับมาสนใจงานในเครื่องโน๊ตบุ๊คของตนเองต่อ

 

เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ซูมู่ชิวก็ปิดเครื่อง บิดไล่ความเมื่อยขบ จากนั้นก็เห็นสิ่งมีชีวิตที่สมควรจะนอนอยู่ในบ้านแมวอันใหม่ กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเขาอีกครั้ง

 

ซูมู่ชิวมองแมวดำที่ยึดเตียงเขาไปครึ่งหนึ่งนอนอย่างสบายอกสบายใจแล้วส่ายหน้า เขาหัวเราะหึๆ ใช้นิ้วชี้เคาะลงไปบนหัวกลมๆ ของอาซิว จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนหลับไปด้วยกัน

 

 

 

 

 

 

 

TBC

 

หนทางการเปย์แมวของพี่มู่ยังอีกยาวไกล…

 

QZGS

[Fic QZGS] – The rainy day, when I met a cat 1 (ส่านซิว)

[AU Fic 全职高手] – The rainy day, when I met a cat (ส่านซิว)
ชื่อไทย : อย่าปล่อยบอสไว้กับแมว (พรืดดดดด) ใคร ใครโหวตมารับผิดชอบด้วย ฮือ555 #ส่านซิว #CEOทาสแมว

note : กรุณาอย่าถามเหตุผลจากเรื่องนี้ และมีสปอยตัวละครที่ยังไม่ออกในเล่มไทยค่ะ น่าจะออกมาในเล่ม 9 ถ้าไม่อยากเจอกรุณาหลบให้ดี
note2 : เป็นเรื่องยาวแนวเรื่อยๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ว่าด้วยชีวิตประจำวันของบอสและแมวของเขา(….)

 

 

 

 

00
– ระหว่างทางกลับบ้าน –

 

 

 

ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหม่นครึ้ม หยาดฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย ผู้คนสัญจรขวักไขว่อย่างรีบเร่ง มองจากด้านบนดูคล้ายกับลูกวงกลมหลากสีสันสวนกันไปมา เมื่อเดินผ่านตึกสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในย่านใจกลางเมืองแล้ว ไม่ว่าใครก็ที่จะอดเหลียวมองไม่ได้

 

ในยุคที่โลกขับเคลื่อนไปด้วยเศรษฐกิจนี้ ธุรกิจเล็กใหญ่ต่างเติบโตขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถอยู่รอดได้ ในปีหนึ่งๆ ไม่ทราบว่ามีกี่รายที่ต้องปิดตัวลง

 

ทว่ามีอยู่บริษัทหนึ่งที่ล้วนแต่ถูกผู้คนจับตามอง

 

ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทใหญ่เริ่มผงาดขึ้นมาในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างบริษัทเจียซื่อ และประธานบริษัทหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างซูมู่ชิว ที่ถือว่าเป็นซีอีโออายุยังน้อยแถมมากความสามารถ

 

ขณะนี้เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต่างเลิกงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว แต่เวลานี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นซีอีโออายุน้อยที่สุดที่ทุกคนต่างพูดถึงกลับพึ่งเดินออกมาจากบริษัท

 

ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาอ่อนก้าวขายาวๆ ครู่เดียวก็มาถึงหน้าประตู ซูมู่ชิวติดนิสัยทำอะไรต้องรวดเร็วฉับไว เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนด้านหน้า มองสายฝนเทกระหน่ำอยู่ด้านนอกอยู่ชั่วครู่ ก็กางร่มสีใสเดินไปยังที่จอดรถ

 

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข้อความจากน้องสาวที่ทำให้เขาพอจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง หลังจากการประชุมเมื่อช่วงบ่ายที่เขาเฉ่งลูกน้องไปเสียหลายคน จากนั้นก็อยู่เคลียร์งานที่ค้างไว้ รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เขามองสภาพอากาศวันนี้แล้วก็ถอนหายใจ ป่านนี้รถคงติดเป็นแถวยาวเหมือนเคย

 

แต่ขณะจะเดินไปที่รถ ซูมู่ชิวก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

ภายใต้กล่องลังยุ่ยๆ ที่ถูกทิ้งกองรวมกันไว้ มีก้อนสีดำกำลังขยับไหว เมื่อพิจารณาดีๆ ก็พบว่ามันคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ถูกเรียกว่าแมวนั่นเอง

 

เจ้าแมวสีดำหลบฝนอยู่ใต้ลังกระดาษ เนื้อตัวสั่นระริกดูบอบบางน่าสงสาร แต่ดวงตาสีอำพันคู่นั้นดูเย่อหยิ่งไม่ยอมจำนน ไม่เหมือนกับแมวจรจัดที่ถูกทิ้งไว้เลยสักนิด

 

ซูมู่ชิวเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา พาร่างตัวเองเดินเข้าไปใกล้ เหมือนว่าเจ้าแมวตัวนั้นจะรู้สึกว่าตัวมันไม่โดนฝนอีกต่อไป จึงเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มถือยืนกางร่มให้มันอยู่

 

ซูมู่ชิวพิศมองแมว มันเอียงคอมองเขาเหมือนสงสัยใคร่รู้มากกว่าจะตื่นคน ข้างๆ เจ้าแมวดำมีของบางอย่างตกอยู่ ประกายแสงสีเงินสะท้อนเข้ายังนัยน์ตาของเขา ซูมู่ชิวหยิบมันขึ้นมา สิ่งนั้นคล้ายกับเป็นสร้อยหนังห้อยจี้วงกลมสลักว่า 修

 

ซูมู่ชิวคิดว่าคงเป็นชื่อของแมวตัวนี้ เขายื่นมือไปลูบหัวมัน เจ้าแมวดำขยับหูยุกยิกหลบเล็กน้อยแต่ไม่ได้ต่อต้านอะไร ชายหนุ่มหัวเราะ ไม่รู้ว่าเพราะความสงสารหรือเพราะความเงียบสงัดในยามค่ำคืนจึงทำให้ซูมู่ชิวเอ่ยขึ้น

 

“มาอยู่กับฉันไหม อาซิว”

 

เหมือนมันจะฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง เจ้าแมวดำที่ถูกเรียกว่า ‘อาซิว’ ร้องม้าวหนึ่งที ก่อนมาเดินวนรอบตัวเขารอบหนึ่ง ในที่สุดก็เอนตัวถูไถเข้ากับกางเกงของซูมู่ชิว เขายิ้ม อุ้มแมวดำตัวนั้นขึ้นมา

 

“กลับบ้านกันเถอะ”

 

 

ซูมู่ชิวมือหนึ่งกางร่ม อีกมือหนึ่งอุ้มแมวตัวผอมๆ ไปยังรถยนต์ของตนเอง รถยนต์เงางามราคาหลักล้านจอดอยู่เบื้องหน้า เขาหยิบกุญแจขึ้นมาปลดล็อค จากนั้นก็ย้ายร่างตนเองพ่วงด้วยแมวเหมียวขึ้นไปบนนั้น

 

ชายหนุ่มวางแมวลงบนเบาะที่นั่งคนขับ ตั้งแต่ที่เขาอุ้มมันขึ้นมา เจ้าแมวยังไม่มีท่าทางขัดขืนหรือพยายามหนีเลยแม้แต่นิดเดียว เรียกได้ว่าเป็นแมวที่รู้ความมาก อาซิวนอนนิ่งๆ ไม่หือไม่อือ นี่ถ้ามันไม่ได้กำลังกระพริบตาอยู่ เขาคงนึกว่าหยิบตุ๊กตาแมวกลับมาแล้ว

 

เขาหยิบผ้าขนหนูหลังรถขึ้นมาเช็ดตัวให้อาซิว ซึ่งก็ยอมให้เขาทำตามใจแต่โดยดี เช็ดจนขนเริ่มแห้งเขาก็จับอาซิวมาวางไว้ที่เดิม เขาคิดว่าอาซิวคงเป็นแมวที่มีหรืออาจจะเคยมีเจ้าของมาก่อน ไม่รู้ว่าถูกนำมาทิ้งหรือพลัดหลงออกมากันแน่ ตอนที่อุ้มมาตัวอาซิวเบามาก ท่าทางขนฟูๆ นั่นคงหลอกตาเขา เขาจึงตัดสินใจพาอาซิวไปหาสัตวแพทย์ก่อน

 

เมื่อได้ข้อสรุปในใจซูมู่ชิวก็หักพวงมาลัยออกไปทันที ถ้าตาไม่ฝาด เขาเหมือนเห็นอาซิวทำหน้าพิลึกตอนที่ขับมาถึงโรงพยาบาลสัตว์

 

อืม…คงคิดมากไปเองมั้ง

 

หลังจากตรวจเรียบร้อยก็พบว่าอาซิวไม่มีเห็บหมัดติดตัวมาหรือเป็นโรคร้ายแรงอะไร หมอบอกว่าอาซิวแค่ขาดสารอาหารนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากกำชับวิธีดูแลอีกนิดหน่อย ซูมู่ชิวก็รับคำ และพาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่กลับบ้านเสียที

 

ซูมู่ชิวซื้อห้องชุดไว้ในคอนโดสุดหรูแห่งหนึ่ง เพราะราคาแสนแพงระบบรักษาความปลอดภัยจึงดีเยี่ยมไปด้วย และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ

 

เพราะซูมู่ชิวอาศัยอยู่กับน้องสาวเพียงแค่สองคน ซูมู่เฉิงเป็นสาวสวย ดังนั้น อะไรที่ป้องกันได้ เขาก็จะป้องกันไว้ก่อน พวกเขาสองพี่น้องเป็นเด็กกำพร้า ต้องอยู่อย่างยากลำบากในห้องที่เล็กเท่ารูหนูมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะซูมู่ชิว ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหาเงินเพื่อที่จะเลี้ยงดูน้องสาว…ครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา

 

นับว่ายังดีที่ทั้งซูมู่ชิวและซูมู่เฉิงต่างมีหัวคิดสร้างสรรค์ ยิ่งตัวซูมู่ชิวแทบเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ เขาสามารถคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และทำกำไรได้มหาศาลอยู่เสมอ

 

แต่ว่าก่อนที่จะกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ ซูมู่ชิวต้องผ่านอะไรมาบ้าง ก็มีเพียงสวรรค์ที่ล่วงรู้

 

ช่วงที่บริษัทเจียซื่อเร่ขายหุ้นทอดตลาดในราคาถูกจนน่าใจหายซูมู่ชิงค่อยๆ ใช้กำลังเงินที่ตนมีกว้านซื้อไว้ทีละนิด หลังจากที่ธุรกิจของตนเริ่มทำกำไรมากพอสมควร ซูมู่ชิวจึงสามารถถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของเจียซื่อได้สำเร็จ และขึ้นแท่นบริหารจนนำพาเจียซื่อรอดพ้นจากวิกฤต ทำให้เจียซื่อที่เคยเป็นบริษัทขนาดกลางมุ่งสู่บริษัทชั้นนำระดับประเทศ

 

แม้ตนจะมีเงินมากมาย แต่เพราะเคยยากจนมาก่อน ซูมู่ชิวจึงเป็นคนที่เรียกได้ว่า…ค่อนข้างเห็นคุณค่าของเงิน เขาไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากเกินความจำเป็นเสียเท่าไหร่

 

ใจจริงเขาก็อยากซื้อบ้านสักหลัง แต่ทั้งเขาและมู่เฉิงเคยชินที่จะอาศัยอยู่ในห้องชุดที่นี่แล้ว อีกอย่างการมีบ้านมันออกจะใหญ่เกินไปสำหรับครอบครัวที่อยู่กันแค่สองคน

 

 

ซูมู่ซิววางแมวดำไว้บนโซฟา อาซิวนอนนิ่งไม่ดื้อไม่ซน ถ้าไม่ใช่เขาพาอาซิวไปหาหมอมาแล้ว เขาต้องคิดว่ามันป่วยแน่ๆ แต่นี่ดูเหมือน…แค่เป็นแมวขี้เกียจเฉยๆ

 

พอมองแมวหน้าปลาตายนี่แล้ว ซูมู่ชิวก็นึกถึงปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้

 

นั่นคือการอาบน้ำ

 

ซูมู่ซิวไม่พูดพร่ำทำเพลง ถือคติลงมือก่อนได้เปรียบ จับเจ้าแมวดำเข้าห้องน้ำทันที!

 

“ง๊าว!”

 

อาซิวที่ทำตัวสงบเสงี่ยมมาตลอดดิ้นพล่านทันทีที่ถึงห้องน้ำ อุ้งเท้าน้อยๆ ตะเกียกตะกายในอากาศ เมื่อเห็นว่าดิ้นไม่หลุดอุ้งเท้านั้นก็เปลี่ยนมาตบที่มือเขารัวๆ

 

เขาทั้งพูดปลอบทั้งขู่อาซิว แต่เจ้าแมวก็ยังไม่หยุดดิ้น ซูมู่ชิวได้ยินว่าอาบน้ำแมวต้องใช้ไม้อ่อน จึงเปลี่ยนวิธี

 

ซูมู่ชิวกระแอมหนึ่งที ค่อยๆ เอ่ยล่อลวง–แฮ่ม หลอกล่อแมวด้วยเสียงนุ่มนวลที่หากลูกน้องในบริษัทมาได้ยินเข้าต้องขนลุกเกรียว

 

“อาซิว พวกเรามาอาบน้ำกันดีกว่านะ เนื้อตัวจะได้สะอาดๆ ไง”

 

อาซิวแมวแสนฉลาดราวกับฟังไม่เข้าใจ จะดิ้นหลุดให้ได้ หลังจากปลุกปล้ำกันอยู่หลายนาที ซูมู่ชิวก็เอาแมวไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำสำเร็จในที่สุด

 

ไม่ใช่ว่าเขาบังคับอะไรอาซิวได้หรอก แต่ยื้อกันไปมาอยู่ดีๆ อาซิวก็เหมือนกับแมวถ่านหมด แววตาฉายประกายชัดเจนว่าเหนื่อยและขี้เกียจออกแรง ยอมปล่อยให้เขาหิ้วเข้าไปในห้องน้ำง่ายๆ

 

ซูมู่ชิวมองแมวแกล้งตายในอ่างน้ำด้วยความขำขัน บรรจงอาบน้ำให้อย่างเบามือที่สุด อาซิวพอถูกน้ำก็ไม่ได้มีท่าทางต่อต้านเช่นตอนแรก ยอมให้เขาถูเนื้อตัวประหนึ่งเขาเป็นข้าทาส

 

 

เมื่อเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ใช้ผ้าขนหนูสะอาดห่อตัวอาซิวเอาไว้ไปที่ห้องนั่งเล่น เขาค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำบนเส้นขนของอาซิวออก เมื่อมองระยะใกล้ จะเห็นดวงตาสีอำพันงดงามส่องประกายวาววามลึกลับ ตัดกับเส้นขนสีดำยาวนุ่มสลวยดูสุขภาพดี เขาใช้มือเกาที่หลังหูอาซิวเบาๆ แมวดำเอียงคอหลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม

 

น่า…น่ารัก

 

ในใจของซูมู่ชิวผุดคำนี้ขึ้นมาฉับพลัน

 

เขาหยิบสร้อยหนังที่ดูเหมือนจะเป็นปลอกคอของอาซิวขึ้นมา จะสวมกลับเข้าไปให้ แต่ปลอกคอดันเส้นเล็กเกินกว่าจะสวมเข้าทางหัว

 

“อ้าว?”

 

เขามองแมวสลับกับปลอกคอในมือ หรือปลอกคออันนี้จะไม่ใช่ของอาซิว?

 

เขาทดลองเรียกชื่ออื่นสองสามชื่อ และตบท้ายด้วยการเรียก “อาซิว” เจ้าแมวดำก็ร้องม้าว หูกระดิก หันมามองเขาราวกับกำลังถามว่าเรียกทำไม

 

ไม่คิดแล้ว เอาเป็นว่าถ้าเขาเรียกอาซิวแล้วเจ้าแมวตัวนี้หัน งั้นก็ชื่ออาซิวแล้วกัน

 

ท้องของซูมู่ชิวส่งเสียงร้องประท้วง เขาจึงรู้สึกตัวว่ายังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็น เขาลุกขึ้น เรียกอาซิวมาในครัวด้วยกัน อาซิวเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะยอมเดินตามมาแบบเอื่อยๆ

 

ซูมู่ชิวรู้สึกทั้งฉุนทั้งขำ สรุประหว่างพวกเขาใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นสัตว์เลี้ยงกันแน่

 

ซูมู่ชิวกวาดสายตามองขอในตู้เย็น เลือกทำกับข้าวง่ายๆ สองอย่าง จากนั้นก็เทอาหารแมวที่พึ่งไปซื้อมาไว้ในจานของอาซิวที่พึ่งซื้อมาใหม่เช่นกัน

 

อาซิวเอาจมูกมาดมๆ เขี่ยๆ อาหารแมวในจานสองสามที จากนั้นก็ไม่สนใจไยดีอีกเลย

 

“…” เขาพูดไม่ออก พูดไม่ออกจริงๆ เป็นแมวแล้วยังเลือกกินด้วยรึ?

 

ซูมู่ชิวคีบแบ่งทั้งกับทั้งข้าวไปแยกไว้อีกถ้วยหนึ่ง แล้วเลื่อนไปหน้าอาซิวเงียบๆ แมวดำร้องม้าว ก่อนก้มลงกินช้าๆ น้ำเสียงนั่นซูมู่ชิวฟังแล้วรู้สึกน่าหมันไส้อย่างไรบอกไม่ถูก

 

เขายังกินไม่ถึงครึ่งถ้วย อาซิวกลับกินอิ่มแล้ว แมวดำแลบลิ้นเลียปาก หางส่ายมาเบาๆ ระหว่างนั่งรอเขากินเสร็จ

 

ซูมู่ชิวขมวดคิ้ว มองดูอาหารที่พร่องไปไม่ถึงสามส่วนในถ้วยของอาซิว เจ้าแมวตัวนี้กินน้อยเหลือเกิน มิน่าถึงขาดสารอาหารได้

 

เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงให้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่กินข้าวมากกว่านี้ดี จึงเดินไปรินนมใส่แก้วเตี้ยๆ ใบหนึ่ง แล้วไปวางหน้าอาซิวอีกครั้ง

 

หนึ่งเจ้านายหนึ่งสัตว์เลี้ยงนั่งจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง สุดท้ายเป็นเจ้าแมวที่พ้ายแพ้ก่อน ยอมก้มหน้ากินนมแต่โดยดี ทำให้ซูมู่ชิวรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ราวกับได้ชัยชนะอย่างบอกไม่ถูก

 

เมื่อสองนายบ่าวกินอิ่มกันเรียบร้อย ซูมู่ชิวก็เก็บจานไปล้าง วันนี้น้องสาวของเขาคงกลับดึกหน่อย แม้ซูมู่เฉิงใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่น้องสาวของเขารับงานถ่ายแบบเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ซูมู่ชิวย่อมเป็นห่วง แต่เขาส่งคนที่ไว้ใจได้ไปดูแลแล้ว จึงวางใจได้ส่วนหนึ่ง

 

ชายหนุ่มรวบตัวสัตว์เลี้ยงไว้ในอ้อมแขน เข้าไปในห้องนอนขนาดใหญ่ เตียงขนาดคิงไซส์ตั้งอยู่ใจกลางห้อง ภายในมีของตกแต่งง่ายๆ ไม่กี่ชิ้น และโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร กับโน้ตบุ้คเครื่องหนึ่งวางอยู่

 

ขณะที่กำลังคิดว่าจะให้อาซิวนอนที่ไหนดีเพราะเขาลืมซื้อที่นอนสำหรับแมวมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ซูมู่ชิววางอาซิวลงบนพื้น เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแทน

 

 

“ได้ ถ้าแบบนั้นก็เอาตามนี้”

 

ซีอีโอหนุ่มกดวางสาย กำลังคิดว่าจะไปเอาผ้านวมมาทำเป็นผ้าปูที่นอน แต่ความคิดทั้งหมดก็ต้องหยุดลง เมื่อเห็นแมวดำของตนกำลังนอนขดเป็นวงกลมอยู่บนเตียงของเขา ท่าทางกำลังหลับสบายอย่างน่าหมันเขี้ยว

 

ซูมู่ชิวล้มตัวลงข้างๆ สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ใช้ปลายนิ้วเขี่ยจมูกอาซิวเบาๆ แล้วหัวเราะเมื่อจมูกเล็กๆ ขยับขยุกขยิกหนีเหมือนกับรำคาญ

 

 

 

รู้ตัวอีกที ในโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดของเขา ก็เต็มไปด้วยรูปแมวดำในมุมมองต่างๆ ด้วยกันถึงหลายสิบรูปเสียแล้ว…

 

 

 

 

 

 

-แนะนำตัวละคร-

ชื่อ : ซูมู่ชิว
อาชีพ : ประธานบริษัท
งานอดิเรก : ทำงานข้ามวัน
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต : มู่เฉิง

ชื่อ : อาซิว(?)
อาชีพ : แมว(?)
งานอดิเรก : นอน
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต : ???

อาซิวแผ่ออร่าลูกพี่ใหญ่ตั้งแต่ตอนแรก….แค่กๆ