ไม่มีหมวดหมู่

[Fic QZGS] – Happy birthday YuWenzhou (อวี้เยี่ย)

Fic 全职高手 – Happy birthday YuWenzhou

Note : สุขสันต์วันเกิดพี่อวี้ค่ะ

 

 


 

 

“พวกเราแวะศาลเจ้ากันหน่อยไหม”

หลังจากกลับมาจากการแข่งขันไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ขึ้นมา ใกล้วันแห่งความรัก ทุกคนก็นิยมไปขอพรตามวัดหรือศาลเจ้าต่างๆ ที่มีชื่อเสียงกันมาก ดูเหมือนว่าคนเสนอจะไม่มีอะไรทำจึงใช้โทรศัพท์เสิร์ชเว็บไซต์ต่างๆ เล่น จนเจอวัดที่ขึ้นชื่อด้านความรักและอยู่ไม่ใกล้จากที่นี้เข้าพอดี

วัด?

อวี้เหวินโจวครุ่นคิดและไม่คัดค้าน ให้ทุกคนในทีมไปเข้าวัดสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะไพ่ราชาของพวกเขา เผื่อจะสงบลงได้บ้าง

เมื่อรถที่นำสโมสรหลานอวี่หยุดลง ทุกคนก็เฮละโลลงจากรถ อวี้เหวินโจวเดินตามเกาะกลุ่มไปด้วย สายตาก็สอดส่องสำรวจ อย่างไรก็ตามวัดนี้เป็นที่นิยมมาก ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

ที่คนในวงการล้อพวกเขาว่าเป็นสโมสรโรงเรียนชายล้วนเพราะหลานอวี่ขึ้นชื่อว่าไม่มีนักกีฬาหญิงแม้แต่คนเดียว ประชากรคนโสดเยอะมาก ตอนมาถึงแรกๆ ก็เหนียมๆ อายๆ แต่ต่อมาทุกคนก็พากันไปร่วมวงอย่างคึกคัก

“อวี้ตุ้ยไม่อธิษฐานสักหน่อยหรือครับ! ผมได้ยินว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากนะ!”

ยืนคิดเงียบๆ ได้ครู่เดียวหนึ่งในลูกทีมก็เดินมาชวนเขาอย่างกระตือรือร้น อวี้เหวินโจวสังเกตบรรยากาศของทีมก็ไม่อยากขัด ตามลูกทีมคนนั้นไปอย่างไม่รีบร้อน

กัปตันทีมหลานอวี่มองผู้คนที่ตั้งอกตั้งใจอธิษฐาน สำหรับเขาตอนนี้จะมีความรักก็ดี แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีคนที่ชอบและอยากขอพรอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นคนที่สนใจ…

อยู่ดีๆ ภาพของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นมาในหัว เขาชะงักและหลับตา

เรื่องที่อยากขอหรือ

เมื่ออวี้เหวินโจวลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าอย่างนึกขันเล็กน้อย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก…เขากล่าวกับตัวเองในใจ

ทันใดนั้นสายลมรุนแรงก็พัดมาจนผมสะบัด อวี้เหวินโจวยกมือป้องใบหน้าเพื่อกันฝุ่นเข้าตา ทำให้ไม่เห็นภาพที่ทำให้คนรอบข้างกรีดร้อง

“กรี๊ด!”

กิ่งไม้ที่คลอนแคลนต้านแรงลมเมื่อครู่ไม่ไหว จึงทำให้มันส่งเสียงเปรี๊ยะอย่างน่าหวาดเสียว และกำลังจะตกลงมายังตำแหน่งของเขา

ชายหนุ่มอยากจะขยับหลบตามสัญชาตญาณ แต่เหมือนมีหมุดมาตอกตรึงขาทั้งสองข้างให้อยู่กับที่ ภาพของกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว และความเจ็บปวดที่ศีรษะเป็นสิ่งสุดท้ายที่อวี้เหวินโจวรับรู้ก่อนภาพทั้งหมดจะดับไป

 


 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานอวี้เหวินโจวถึงฟื้นคืนสติ ครรลองสายตาของเขาเป็นสีดำสนิท ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้น แต่เหมือนติดอะไรสักอย่างจึงขยับไม่ได้ดังใจ เขาเริ่มคิด…หรือว่าร่างกายเขาจะเจ็บหนักมาก?

จู่ๆ เสียงพูดคุยของชายคนหนึ่งดังขึ้นมา

“คงไม่ได้เล่นอะไรแปลกๆ อีกหรอกนะ”

เสียงนี้?

“เปล่าสักหน่อยค่ะ พี่คิดมากไปแล้ว ลองเปิดดูสิคะ”

อีกเสียงเป็นเสียงกังวาลใสของหญิงสาวที่คุ้นหูไม่แพ้กัน ระหว่างที่อวี้เหวินโจวยังตกอยู่ในอาการสับสนมึนงง เบื้องหน้าก็สว่างขึ้นฉันพลัน

“….!”

“…นี่มันอะไรเนี่ยมู่เฉิง”

“คิกๆ ตกใจหรือคะ” สาวสวยยืนหัวเราะคิกคักอยู่ข้าง “ของขวัญวาเลนไทน์ล่วงหน้าให้พี่ไง!”

เยี่ยซิวอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหยิบของในกล่องออกมาดู

“คราวนี้เป็นเสี่ยวอวี้หรือ ทำได้คล้ายเหมือนกันนะ” เยี่ยซิวหมุนสิ่งที่อยู่ในมือไปมา “จุ๊ๆ สมราคาจริงๆ”

“นั่นสิคะ” ซูมู่เฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “ตอนของพี่ก็ทำได้ดีนะคะ”

หลังจากที่มีสินค้ารูปแบบโมเดลไอดีตัวละครออกมาบ้างแล้ว ทางสมาพันธ์ก็เริ่มใช้นักกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงเป็นต้นแบบ ส่วนเยี่ยซิวเองก็วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้และหมดลงอย่างรวดเร็ว คราวนี้ถึงตาเจ้าของตัวละครเจ้าอาคม

เจ้านี่เป็นโมเดลขนาดจิ๋วสวมด้วยชุดเครื่องแบบของสโมสรสีฟ้า ในมือถือสมุดบันทึกข้อมูลที่มักจะติดตัวกัปตันหลานอวี่อยู่เสมอ ดูแล้วเหมือนอวี้เหวินโจวฉบับย่อส่วนไม่มีผิด

แฟนกลอรี่โดยเฉพาะสาวๆ ชอบมาก จับจองจนหมดในเวลาไม่กี่วัน เยี่ยซิวได้มากล่องหนึ่งเพราะน้องสาวตัวดีของเขากดสั่งมาให้ แถมยังบอกว่าเป็นของขวัญวาเลนไทน์อีกต่างหาก

สิ่งของจากน้องสาวคนสนิท เยี่ยซิวจะทิ้งขว้างไปได้อย่างไร จนใจก็แต่เขาไม่ได้มีรสนิยมเล่นของพวกนี้ จึงตั้งโชว์ไว้บนโต๊ะเฉยๆ เท่านั้น

 

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจมันอีกเลย

 

 

อวี้เหวินโจวมองเยี่ยซิวออกจากห้องไปอย่างแข็งทื่อ เขาพยายามประมวลผลสถานการณ์ในปัจจุบันของตนเอง

สิ่งของรอบกายใหญ่กว่าที่ควรจะเป็นราวสิบเท่า และบุคคลที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่ช่วยยืนยันสมมติฐานของเขาได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้เขาติดอยู่ในร่างโมเดลย่อส่วนของตนเอง

อวี้เหวินโจวลองขยับขาไปมาเท่าที่ข้อต่อของหุ่นจะเอื้ออำนวย เดินสำรวจรอบโต๊ะ และลองคิดหาความเป็นไปได้ไปพร้อมกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจว่าตนมาโผล่มาที่ซิงซิน โผล่มาในร่างนี้ได้อย่างไร

ความทรงจำอย่างสุดท้ายของเขาคือ เขาโดนกิ่งไม้กระแทกเข้าที่ศีรษะ และน่าจะสลบไป

ชายหนุ่มวิเคราะห์อย่างคร่าวๆ ว่าตนเองไม่น่าจะตายโดยโดนกิ่งไม้แค่นั้นหล่นใส่หัว บางทีร่างจริงๆ ของเขาอาจจะสลบอยู่ แล้ววิญญาณก็ออกจากร่าง?

เมื่อเห็นเยี่ยซิวอวี้เหวินโจวรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย ตอนนั้นภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัว…คือภาพของรุ่นพี่คนนี้

เยี่ยซิวโด่งดังขึ้นมาในยุคแรกเริ่มของกลอรี่ เขาเคยเห็นอีกฝ่ายมานานแล้ว ลึกๆ เขาชื่นชมในความทุ่มเทต่อกลอรี่ของคนคนนี้เหมือนกะน

เขาอยากทำความรู้จักกับเยี่ยซิวมากขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ยาก ด้วยเพราะอายุที่น้อยกว่า และเข้าวงการนักกีฬาอาชีพมาทีหลังหลายปี

ชายหนุ่มเคยคิดขำๆ ว่าจะเป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะสนิทกันได้ คนคนนั้นไม่ค่อยสุงสิงกับใครนี่นะ

อาจจะเว้นหวงเส้าเทียนเอาไว้ เพราะถูกเรียกไปใช้งานง่ายราวกับสัตว์อัญเชิญ หรืออาจจะเว้นหานเหวินชิงที่แม้จะเป็นศัตรูแต่ก็รู้เรื่องระหว่างกันดีอย่างแปลกๆ อาจจะยกเว้นคู่หูยอดเยี่ยมอย่างซูมู่เฉิง อาจจะยกเว้นใครอีกหลายคน…

นับๆ ดูก็ใช่ว่าเยี่ยซิวไม่คบค้าสมาคมกับใครเอาเสียเลย

ความจริงคือเยี่ยซิวกับอวี้เหวินโจวไม่สนิทกัน

คนคนนั้นเป็นอย่างไรอวี้เหวินโจวก็พอรู้คร่าวๆ จากการได้พูดคุยและสังเกตของตัวเอง ทว่าพวกเขาก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันเท่าไรนัก

อวี้เหวินโจวคิดในแง่ดี บางทีนี่อาจจะเป็นแค่ฝันที่สมจริงมาก?

แต่แบบนี้มันก็สมจริงเกินไปแล้ว

อวี้เหวินโจวโอดครวญในใจ

เยี่ยซิวในชุดเสื้อยืดย้วยๆ ที่เหมือนจับใส่มาลวกๆ กำลังก้มหน้าเขียนบางอย่าง คอเสื้อเปิดกว้างจนเห็นแผ่นอก อวี้เหวินโจวอยากย้ายสายตาไปทางอื่น เสียแต่ถ้าเขาขยับตอนนี้คงจะโดนหาว่าเป็นตุ๊กตาผีสิง

เขาพบสิ่งน่าประหลาดใจหลายอย่าง เยี่ยซิวไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิด

ถ้าให้พูดละก็….

เป็นพวกไม่ระวังตัวเอง

และปล่อยเนื้อปล่อยตัว

หลังจากขีดเขียนจนเสร็จเยี่ยซิวก็กลับมาหารือกับเว่ยเชิน อดีตกัปตันหลานอวี่ที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ซิงซินเต็มตัว ความสนใจของอวี้เหวินโจวไม่ได้อยู่กับเว่ยเชินนัก เพราะส่วนใหญ่…จะเป็นเยี่ยซิวที่ดึงความสนใจเขาไป

สนทนากันจนดึกดื่นและพอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว เยี่ยซิวก็พาตัวเองเข้านอน ผ้าห่มถูกคลุมเกือบมิดศีรษะ บางทีคงเป็นคนขี้หนาวกระมัง อวี้เหวินโจวสังเกตไปเรื่อยตามประสาคนไม่มีอะไรทำ

เมื่อตอนกลางวันเขาพยายามจะเข้าโปรแกรม QQ ในคอมพิวเตอร์ของเยี่ยซิวเพื่อติดต่อหวงเส้าเทียนหรือคนอื่นในทีม แต่การหยิบจับสิ่งต่างๆ ยากเกินไปสำหรับแขนขาสั้นๆ ในตอนนี้

ในร่างนี้ก็มีข้อดีอยู่อย่างคือเขาไม่ต้องกินต้องนอน พูดง่ายๆ คือเขาไม่มีความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เป็นเพียงสิ่งที่อาศัยอยู่ในร่างตุ๊กตานี้เท่านั้น

พอคิดแบบนั้นแล้วก็เกิดสังเวชใจแปลกๆ

อวี้เหวินโจวรอให้เยี่ยซิวออกไปก่อนเหมือนเมื่อวานแล้วค่อยขยับร่างตนเอง

ก่อนที่เขาจะมาอยู่ที่นี่เขาโดนกระแทกที่หัว ถ้าหากเขาถูกกระแทกอีกครั้งวิญญาณอาจจะกลับร่างก็ได้?

อวี้เหวินโจวมองด้านล่าง ลองโดนลงจากโต๊ะเพื่อโหม่งพื้นดูแต่ไม่สำเร็จ แม้เขาจะไม่รู้สึกเจ็บแต่ก็ลุกขึ้นลำบากเหมือนกัน

หลังจากอวี้เหวินโจวยืนขึ้นมาเรียบร้อย สายตาที่มองออกไปภายนอกก็ปะทะกับร่างของใครคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่

เยี่ยซิวนิ่งไปสามวินาทีก่อนกะพริบตาอีกครั้ง

“ช่วงนี้โหมซ้อมมากเกินไปหรือไงนะ” อีกฝ่ายนวดขมับงึมงำพลางเก็บบุหรี่ที่ร่วงลงมาบนพื้น

ในหัวอวี้เหวินโจววิ่งวุ่นเป็นการใหญ่ ควรทำยังไงดี

เห็นแผ่นหลังนั้นกำลังจะเดินจากไป อวี้เหวินโจวเผลอส่งเสียงเรียกโดยไม่รู้ตัว

“เดี๋ยวครับ!”

เยี่ยซิวชะงักค้าง เหงื่อตกก่อนหันกลับมา คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจเดินตรงมายังเขา

“นี่เกอหูฝาดไปเองหรือมีวิญญาณในห้องนี้กันล่ะ”

อวี้เหวินโจวแสดงตัวทันที “ผมเองครับ อวี้เหวินโจว”

“อื้ม…ก็พอจะเห็นอยู่” เยี่ยซิวพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ค่อยๆ ขยับออกห่างจากโมเดลผีสิงอย่างแนบเนียน “อยากให้เกอทำบุญไปให้หรือถึงมาแบบน่ารักอย่างนี้”

“ไม่ใช่ครับ…”

 

“สรุปก็คือนายไม่ใช่ผี ไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นอวี้เหวินโจวจริงๆ?”

“ครับ…” อวี้เหวินโจวอธิบายเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติไปทั้งหมดให้ฟังอีกครั้ง

“มีก็มีวิธีตรวจสอบอยู่น่ะนะ” อวี้เหวินโจวเห็นเยี่ยซิวเดินไปเปิดคอม ปลดบล็อคไพ่ราชาหลานอวี่แล้วยิงคำถามไม่อ้อมค้อม

จวินม่อเซี่ยว : กัปตันนายยังอยู่ดีไหม?

เยี่ยอวี่เซิงฝาน : เชี่ย ถามอะไรไม่เป็นมงคล กัปตันฉันยังอยู่ดี! แต่เกิดเรื่องนิดหน่อย! คราวก่อน….

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีรายละเอียดของเหตุการณ์ก็ถูกหวงเส้าเทียนสาธยายต้นสายปลายเหตุอย่างครบถ้วน ซึ่งตรงตามที่อวี้เหวินโจวร่างจิ๋วบอกเขาไม่ผิดเพี้ยน

เยี่ยอวี่เซิงฝาน : ทำไมเงียบอีกแล้ว! ฉันยังไม่ได้พูดถึงที่นายบล็อกฉันเลยนะเฟ้ย! ใช้เสร็จแล้วถีบหัวส่งแบบนี้ได้ยังไงฮะ เกอลงสนามทีค่าตัวเป็นแสนเลยนะรู้ไหมรู้ไหมรู้ไหมรู้ไหม

เยี่ยซิวกดบล็อกเหมือนเดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย หันมามองโมเดลตัวน้อยที่พยายามปีนขึ้นมาชะเง้อคอมอง ในใจเริ่มเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“ถ้านายเป็นเสี่ยวอวี้จริง…” เยี่ยซิวกระแอม “ไหนลองบอกกลยุทธ์ที่จะใช้แข่งเกมหน้าให้ฟังหน่อย!”

“….” อวี้เหวินโจวเงียบไปพักหนึ่ง “แบบนั้นเหมือนจะไม่ค่อยดีมั้งครับ”

“แฮ่ม…เกอล้อเล่นน่า!” เยี่ยซิวไอแค่กๆ “นายเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”

“เอ่อ…รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในกล่อง แล้วก็มาโผล่ที่ซิงซินเลยครับ” แปลว่ามาได้ไงเจ้าตัวก็ยังไม่กระจ่าง

“แล้วแบบนี้ไม่เป็นไรหรือ”

อวี้เหวินโจวส่ายหน้าด้วยความจนใจ “เหมือนร่างนี้ผมจะไม่หิวครับ ไม่มีความต้องการอะไร ไม่รู้สึกเจ็บด้วย”

“เสี่ยวอวี้ใจเย็นจริงๆ!”

เขาพยายามใจเย็นต่างหาก

 

เยี่ยซิวบอกว่าร่างของอวี้เหวินโจวหลับไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล ช่วงวุ่นวายแบบนี้เยี่ยซิวคงหิ้วอวี้เหวินโจวร่างจิ๋วไปไหนมาไหนไม่ได้ คงต้องให้อีกฝ่ายรอไปก่อนสักพักแล้วจึงพาไป

อวี้เหวินโจวพยักหน้าเห็นด้วย ถึงเขาจะร้อนใจแต่แมทช์ของซิงซินงวดเข้ามามากกว่า เขาจึงอดทนรอได้

อีกอย่างมันก็ไม่ได้ฝืนใจอะไร

ห้องพักของเยี่ยซิวมักเต็มไปด้วยควันบุหรี่คละคลุ้ง อวี้เหวินโจวไม่ถือสากับเรื่องพวกนี้เพราะเขาไม่มีจมูก แต่บางครั้งเมื่อเห็นเยี่ยซิวสูบหนักๆ เขาก็ขมวดคิ้วและปรามให้หนุ่มรุ่นพี่เพลาๆ ลงบ้าง

“ช่างเอาใจใส่จริงๆ” เยี่ยซิวให้ความเห็นเช่นนั้น

แม้การซ้อมจะเป็นความลับแต่เยี่ยซิวไม่สบายใจเล็กน้อยหากปล่อยอวี้เหวินโจวไว้ลำพัง เขาพาอีกฝ่ายมาด้วยแล้ววางไว้ตรงที่มองเห็นยากเพื่อให้อวี้เหวินโจวขยับตัวได้และไม่อึดอัด ถึงกระนั้นก็มีคนตาดีมองเห็นเยี่ยซิวหิ้วโมเดลกัปตันหลานอวี่มาทุกวันจนในทีมเริ่มมีข่าวซุบซิบ

 

“คิดอะไรอีกแล้วหรือเสี่ยวอวี้” เยี่ยซิวใช้นิ้วจิ้มแก้มตุ๊กตาของเขาเบาๆ เอ่ยหยอกล้อ ทั้งที่ควรไม่มีความรู้สึก แต่อวี้เหวินโจวกลับรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่เยี่ยซิวสัมผัสเขา ไม่ว่าจงใจหรือไม่ก็ตาม “เป็นห่วงทีม?”

อวี้เหวินโจวลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตอบตามตรง “นิดหน่อยครับ”

“เกอรู้แล้ว ทนอีกหน่อยแล้วกันนะ”

“ครับ” เขายิ้มให้เยี่ยซิว ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น แต่เขาก็ยังอยากยิ้ม

เขามองตัวเองในกระจก หุ่นเล็กๆ ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มบางเหมือนตัวเขายามปกติ เขามักติดนิสัยยิ้มไว้ก่อนเสมอ บางครั้งเพื่อแสดงความมั่นคงของกัปตัน บางครั้งเพื่อปลอบประโลมเพื่อนร่วมทีม บางครั้งก็เพื่อปกปิดความรู้สึกตนเอง

แต่ยามอยู่ที่นี่เขาไม่ต้องยิ้มก็ได้ แม้ด้านนอกจะมีสีหน้าอ่อนโยน แต่ภายในเป็นเช่นไรก็ไม่มีใครรู้

มันทำให้เขารู้สึกสบายใจ

แต่ในขณะเดียวกันเยี่ยซิวกลับทำให้เขาเผลอยิ้มอยู่บ่อยครั้ง ยิ้มที่หมายถึงยิ้มจริงๆเหมือนอย่างตอนนี้

เยี่ยซิวยิ้มให้เขา ยิ้มอ่อนๆ ดวงตานั้นคล้ายจะสื่อความรู้สึกบางอย่างเหมือน…เอ็นดู?

ถ้ามีร่างจริงอวี้เหวินโจวคงกระแอมแห้งๆ ไปแล้วหลายที อายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว แต่ถูกมองเหมือนเด็กๆ หลายครั้งก็อดประดักประเดิดไม่ได้

รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ส่วนนึง จนใจก็ส่วนนึง

แต่ว่าเมื่อดวงตากระจ่างคู่นั้นจับจ้องมายังเขาโค้งลงน้อยๆ แล้ว

อวี้เหวินโจวคิดว่ามันไม่แย่เลย

“จะว่าไปก็ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ เสี่ยวอวี้ไม่ลำบากแย่เลยหรือ” เยี่ยซิวกระเซ้าอีกครั้ง

“ครับ…?”

“เกอว่านายคงเนื้อหอมอยู่?”

อวี้เหวินโจวหน้าตึงขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกครับ”

“อ้อ น่าแปลกจริงๆ เสี่ยวอวี้ไม่มีคนรักกับเขา?”

“ไม่ครับ” เขาปฏิเสธชัดเจน

“แล้วไม่มีคนที่ชอบบ้างหรือ!”

เรื่องนั้น….”

ทั้งที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดแท้ๆ

 

เยี่ยซิวถ้าเกิด….”

 

ทั้งที่ไม่ควรจะมีหัวใจไว้สูบฉีดเลือดแล้วแท้ๆ

 

“…ถ้าเกิดผมชอบ…”

 

แล้วความรู้สึกวูบโหวงในอกนี่มีสาเหตุมาจากอะไรกันนะ

 

 

พริบตานั้นโลกพลันหมุนกลับ แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวพร่างพราย

ทิวทัศน์ที่อวี้เหวินโจวเห็นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไม่มีห้องแคบๆ ที่เต็มไปด้วยควัน คนที่กำลังเดินเข้ามาก็ไม่ใช่เยี่ยซิว

“คุณหมอคะ! คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ! คนไข้ฟื้นแล้ว!”

“……คุณ

“อะไรนะคะ? คุณพูดว่ายังไงนะคะ”

ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ หัวของอวี้เหวินโจวหนักอึ้ง ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง

 

 


 

 

“เยี่ยซิว มีคนมีหาแน่ะ”

เยี่ยซิวละมือจากคีบอร์ดเมื่อได้ยินว่ามีคนต้องการพบเขา เขาหยิบเสื้อแจ็กเกตขึ้นมาคลุมลวกๆ แล้วลงไปด้านล่าง หน้าเคาท์เตอร์มีบุคคลที่ดูไม่ค่อยคุ้นตายืนอยู่

“เรียกฉันหรือ”

เมื่อเยี่ยซิวโผล่เข้าไป คนตรงเคาท์เตอร์ที่ปิดบังใบหน้าด้วยแว่นตาก็หันมายิ้มให้เขา เสียงที่ผ่านผ้าพันคออู้อี้เล็กน้อย

“ผมเองครับ”

“เสี่ยวอวี้?”

การพบอวี้เหวินโจวตัวเป็นๆ ทำให้เยี่ยซิวรู้สึกสบายใจมากกว่าตกใจ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงที่อยู่ๆ อวี้เหวินโจวก็ไร้การตอบสนองไป เรียกเท่าไรก็ไม่ตอบ เขาไปถามข่าวคราวหวงเส้าเทียนอีกรอบ พบว่าอวี้เหวินโจวที่นอนอยู่โรงพยาบาลยังไม่ฟื้น ทำให้เยี่ยซิวกังวลไปหลายวัน

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ” อวี้เหวินโจวก้มหน้าอย่างสำนึกผิด รอยยิ้มที่แตะแต้มมุมปากตั้งแต่มาถึงเจื่อนลงไปเล็กน้อย

“ดีแล้วที่ไม่เป็นไร” เยี่ยซิวชะเง้อมอง “ว่าแต่คนในทีมไม่มาด้วย?”

“ไม่มีหรอกครับ ผมมาเป็นการส่วนตัว”

“หืม…?”

“เยี่ยซิวครับ บางที…ผมอาจจะพบคนคนนั้นแล้วก็ได้ครับ”

มือของอวี้เหวินโจวค่อยๆ กอบกุมมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ ทั้งที่เคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวลเชื่องช้ามากแท้ๆ

แต่เขากลับไม่ได้หลบมือนั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายกุมมือเขาไว้ หัวเราะตาหยีอย่างมีความสุข

ตอนที่เยี่ยซิวนึกขึ้นมาได้ว่าบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขาก่อนจากกันคืออะไร ใบหน้าพลันร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“วันนี้ไปกินข้าวกับผมไหมครับ”

เยี่ยซิวหน้างองุ้ม ขออวี้เหวินโจวร่างจิ๋วกลับมาแทนได้ไหม อย่างน้อยตอนนั้นก็น่ารักน่าเอ็นดู

…ไม่อันตรายกับหัวใจเขาเหมือนรุ่นน้องที่ยิ้มแล้วทำให้บรรยากาศรอบข้างละมุนละไมจนทำให้เขาใจเต้นแบบนี้หรอก

 

 

 

 

-FIN-

 

อวี้เหวินโจวมายรองเมนลำดับที่สอง ด้วยความอนุเคราะห์จากด๋อยของพี่ที่น่ารักเกินห้ามใจ เหมือนโดนตบเรียกสติกลับมาเขียนฟิคถวายพี่เขาเลยค่ะ เขียนไปยิ้มไป ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านค่ะ

 

 

ใส่ความเห็น