Title : One night
Pairing : อวี้เหวินโจว x เยี่ยซิว
Warning : OOC(มากๆ…)
Note : ถึงจะเป็นฟิคปีใหม่ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรเกี่ยวข้องกับปีใหม่เท่าไหร่ค่ะ…
-:-:-:-:-:-
บรรยากาศในงานเลี้ยงฉลองเต็มไปด้วยเสียงสรวลเสเฮฮา หลังจากที่สามารถปิดโปรเจคต์ใหญ่ก่อนขึ้นปีใหม่ได้แล้ว เยี่ยซิวก็ถูกคนในบริษัทลากมาเลี้ยงฉลองด้วยกัน ชายหนุ่มไม่ถูกกับของมึนเมานัก แต่ถึงจะพยายามปฏิเสธอย่างไรก็ถูกคะยั้นคะยอจนต้องดื่มเข้าไปหลายแก้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน เยี่ยซิวก็เริ่มรู้สึกหัวหนักๆ จึงขอตัวออกมาสูดอากาศด้านนอก เขาห่อตัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับสายลมเย็นเยือกที่พัดกรีดผิว แล้วจู่ๆ โลกก็หมุนเอียง เยี่ยซิวเซถลาไปด้านหน้าแต่กลับไม่ล้มลงเพราะมีมือคู่หนึ่งมาประคองไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
สุ้มเสียงเจือความห่วงใยดังมาจากอีกฝ่าย เยี่ยซิวส่ายศีรษะ ก่อนจะถูกโอบประคองให้ยืนดีๆ
ฝ่ายตรงข้ามชวนเขาสนทนาอยู่หลายประโยค แต่เยี่ยซิวไม่รู้ว่าตนตอบอะไรกลับไปบ้าง ร่างกายของชายหนุ่มโอนเอนไปมาจนต้องอาศัยร่างของอีกคนเป็นหลักพิง เหมือนอีกฝ่ายพยายามจะถามบางอย่างจากเขา ทว่าคำพูดเหลานั้นก็ดูจะฟังไม่เข้าหูอีกต่อไป
ได้ยินเสียงถอนหายใจคล้ายอับจนปัญญา ช่วงเวลาหลังจากนั้นรางเลือนเป็นอย่างมาก เยี่ยซิวรับรู้ว่าเขาถูกพาออกมาจากงานเลี้ยง ชายหนุ่มพยายามเปิดเปลือกตาหนักอึ้งขึ้น ใบหน้าของผู้ที่แนบชิดพร่าเลือนไม่ชัดเจน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ตัดทุกสิ่งออกจากประสาทรับรู้
-:-:-:-:-
“อือ…”
เยี่ยซิวเปล่งเสียงครางออกมาเบาๆ ร่างกายบิดตัวเข้าหากันด้วยความเสียวซ่าน อากาศหนาวเย็นที่สัมผัสผิวเนื้อทำให้เขาขยับเข้าเสียดสีอย่างอื่นที่มีอุณหภูมิสูงกว่าตามสัญชาติญาณ
พวงแก้มถูกสิ่งที่อุ่นๆ และนุ่มหยุ่นเข้าแตะ สัมผัสนั้นไล่ไปทั่วใบหน้าก่อนจะมาจบที่ริมฝีปาก กลีบปากล่างของเยี่ยซิวถูกงับเบาๆ ราวกับกำลังเว้าวอน จนเขาเผลอเปิดมันออกแล้วยินยอมให้ความชุ่มชื้นแทรกเข้ามาพัวพัน
เยี่ยซิวไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่ไม่รู้ว่าตนกำลังถูกจูบอยู่
เรือนร่างถูกสัมผัส เค้นคลึงไปทั่ว ความร้อนในร่างถูกอีกฝ่ายจุดติดอย่างรวดเร็ว เยี่ยซิวขบริมฝีปากเมื่อถูกปลุกเร้าจนสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย
เขาหอบหายใจ พยายามเพ่งมองผ่านม่านน้ำฉ่ำวาว สิ่งที่เห็นมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนและความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น
เมื่อถูกดูดดึงจนริมฝีปากบวมเจ่ออีกฝ่ายก็ผละออก บางสิ่งที่ร้อนระอุขยับมาจ่ออยู่ด้านล่าง เยี่ยซิวหุบต้นขาเข้าหากัน จากนั้นก็ถูกเสียงนุ่มๆ จูบหวานๆ พร่ำปลอบจนเริ่มผ่อนคลาย
“ได้ไหมครับ”
เสียงนั้นใกล้เสียจนเยี่ยซิวขนลุกชัน เขาเบี่ยงหน้าไปอีกทาง ปล่อยให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ดุนดันเข้ามาด้านใน
ความรู้สึกเจ็บเสียดในคราแรกยังคงอยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความวาบหวามจนใจสั่น เยี่ยซิวใช้มือโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย เผลอจิกเล็บลงไปเป็นครั้งคราวเมื่อถูกกระตุ้นตรงส่วนอ่อนไหว ในหัวสับสนปนเป กึ่งอยากถอยห่าง กึ่งอยากตอบสนอง
ปลายเท้าเหยียดเกร็งสั่นกระตุกเมื่ออีกฝ่ายขยับไปโดนจุดหนึ่งในช่องทางคับแน่น เยี่ยซิวครวญครางเมื่อจุดนั้นถูกอีกฝ่ายบดเบียดย้ำๆ ราวกับจงใจ ผนังบอบบางที่โอบล้อมความแข็งขืนเอาไว้ถูกเสียดสีจนเจ็บปลาบ แต่ก็ทำให้รู้สึกดีมาก
มากเกินไปจนเหมือนความฝัน
เยี่ยซิวถูกอีกฝ่ายเร่งเร้าจนหัวหมุน ในหูอื้ออึงจนไม่อาจจับใจความได้ ในที่สุดเยี่ยซิวก็ปลดปล่อยออกมา เขานอนหมดแรงอยู่กับที่ ความคิดว่าทุกอย่างจบลงถูกปัดทิ้งกระเด็นเมื่อคู่ของเขาแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง แล้วขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า คล้ายอ่อนโยน คล้ายเร่งรัด
เขานึกอยากประท้วง ก่อนที่จะถูกปิดปากแล้วโดนล่อลวงลงไปในกับดักแสนหอมหวานอีกครา นำพาความฝันให้เติมเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำเหมือนสายน้ำ แต่เร่าร้อนเหมือนอยู่ในกองเพลิง
เยี่ยซิวหลับตาสะกดกลั้นเสียงคราง ปล่อยให้ความฝันนั้นดำเนินต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน
-:-:-:-:-
เยี่ยซิวตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกคลื่นเหียน
ชายหนุ่มขยับตัว ความเจ็บเสียดที่แล่นพล่านขึ้นมาจากเบื้องล่างทำให้เขาเผลอนิ่วหน้า ความทรงจำเมื่อคืนวิ่งเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
เยี่ยซิวใช้มือนวดคลึงขมับที่ปวดจี๊ดขึ้นมา ใบหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เมื่อตระหนักว่าตนเองได้ทำอะไรลงไปบ้าง
ราวกับได้ยินเสียงนุ่มหูดังแผ่ว ๆ อยู่ข้างตัว สองแก้มของเยี่ยซิวร้อนฉ่า แม้เขาจะไม่ค่อยมีสติ แต่ก็จำได้รางๆ ว่าอีกฝ่ายกระซิบขออนุญาต และเขาก็ไม่ได้ขัดขืน
สรุปว่าเขามีความสัมพันธ์กับใครก็ไม่รู้ อีกทั้งยังเป็นผู้ชาย
เยี่ยซิวมองไปรอบๆ ก็เดาได้ว่าที่นี่คงเป็นห้องในโรงแรมแห่งหนึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ตรงหัวเตียง เขาคิดว่าอีกคนคงทิ้งไว้ แต่เยี่ยซิวไม่มีใจจะหยิบขึ้นมาดู เมื่อมองเห็นเสื้อผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยแล้วของตนแขวนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า จึงฝืนความเจ็บปวด รีบผุดลุกขึ้นมาแต่งตัวและผลุนผลันออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์น่าอึดอัดที่เขาอาจต้องเผชิญ จากนั้นก็เรียกแท็กซี่หน้าโรงแรมเพื่อกลับบ้าน
ระหว่างทางคนขับแท็กซี่เหลือบมองเขาเป็นครั้งคราวด้วยสายตาแปลกๆ เมื่อถึงห้องพักเยี่ยซิวก็แทบจะสบถออกมา ด้วยความเร่งรีบทำให้เขาแต่งตัวไม่เรียบร้อยนัก รอยจูบตรงข้างคอจึงถูกมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เยี่ยซิวเข้าไปอาบน้ำ รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เมื่อรอยจูบไม่ได้มีเฉพาะที่ลำคอ แต่มีอยู่ประปรายทั่วแผ่นอก
เยี่ยซิวพยายามจะลืมอะไรต่อมิอะไรที่จดจำได้ ความจริงอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย เขาเองก็เป็นผู้ชาย ว่าง่ายๆ คือไม่มีอะไรเสียหาย แต่ความรู้สึกติดๆ ขัดๆ ยามเดินเหินทำให้เยี่ยซิวนึกขอบคุณฟ้าดินอยู่ในใจที่เขาไม่ต้องไปทำงานเนื่องจากบริษัทหยุดช่วงปีใหม่
ความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืน เมื่อยามรุ่งอรุณมาเยือนก็คงต้องสลายไป
และเยี่ยซิวก็คงลืมไปจริงๆ หากไม่ใช่ว่าวันหนึ่งก่อนที่เขากำลังจะลงมือกินข้าวในโรงอาหารของบริษัท ฝั่งตรงข้ามเขาดันปรากฏร่างของชายหนุ่มรุ่นน้องต่างแผนกขึ้น
“ผมขอนั่งด้วยนะครับ”
“เอาสิ” เยี่ยซิวแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร
อีกฝ่ายยิ้มสุภาพแล้วนั่งลงอีกด้าน พวกเขาต่างคนต่างกินกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร จวบจนเห็นว่าเยี่ยซิวกินเสร็จแล้วอีกฝ่ายจึงพูดขึ้นมา
“อยากสูบบุหรี่หรือครับ”
เยี่ยซิวที่กำลังคลำกระเป๋ากางเกงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “อืม”
“ใช้นี่สิครับ”
เยี่ยซิวประหลาดใจเมื่อเห็นซองบุหรี่ยี่ห้อที่เขาสูบเป็นประจำถูกยื่นมาให้ “คุณดูไม่เหมือนคนที่ชอบสูบเลยนะ?”
“อา ผมไม่สูบหรอก” อีกฝ่ายขยับยิ้ม “มันเป็นของคุณที่ลืมทิ้งไว้ต่างหาก”
“หือ”
เยี่ยซิวนิ่งค้างไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ สมองก็ทำหน้าที่ของมันอย่างหนักหน่วง ภาพเหตุการณ์คืนนั้นไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว
น้ำเสียงรื่นหู รอยยิ้มอบอุ่น ค่ำคืนอันแสนเร่าร้อนกับคนแปลกหน้า
ใบหน้าพร่าเบลอเหมือนอยู่ท่ามกลางหมอกควันค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นในความทรงจำ
“รุ่นพี่ครับ?”
ความร้อนไหลไปกองรวมกันที่สองข้างแก้ม เยี่ยซิวอ้าปากค้าง นิ้วมือสั่นระริก เมื่อใบหน้าของบุคคลปริศนาซ้อนทับกับใบหน้าของรุ่นน้องต่างแผนกของเขาได้อย่างพอดิบพอดี
ผู้ชายคนนั้น
คืออวี้เหวินโจว
-:-:-:-:-
“ผมขอนั่งด้วยนะครับ”
เยี่ยซิวพยักหน้าโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ในเมื่อนับจากวันนั้นชายหนุ่มรุ่นน้องก็มักจะโผล่มาป้วนเปี้ยนใกล้เขาเสมอ
“ทานน้อยอีกแล้วนะครับ เยี่ยซิว” อวี้เหวินโจวส่ายหน้า ก่อนจะหยิบขนมปังในกระเป๋าแล้วส่งมาทางเขา “ทานขนมปังหน่อยไหมครับ”
อวี้เหวินโจวชอบมีของติดไม้ติดมือมาฝากเขาบ่อยๆ อย่างของวันนี้ก็เป็นขนมปังเจ้าดังที่เยี่ยซิวเคยได้ยินว่าต้องต่อแถวถึงสองชั่วโมงกว่าจะได้กิน
“เกออิ่มแล้ว”
“เก็บไว้เถอะครับ เผื่อตอนบ่ายๆ คุณจะหิว”
เยี่ยซิวถอนหายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายก่อนจะรับมา เพราะถึงเขาไม่รับ อวี้เหวินโจวก็จะสรรหาวิธีมาให้เขารับไปอยู่ดี
หลังจากพอใจแล้วอวี้เหวินโจวก็ขอตัวไปทำงาน เยี่ยซิวยอมรับว่าเขารู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่อวี้เหวินโจวไม่ได้พูดเรื่องคืนนั้นขึ้นมาอีก
อวี้เหวินโจวเป็นรุ่นน้องต่างแผนกที่เยี่ยซิวเคยดูแลอยู่ช่วงหนึ่งสมัยฝ่ายนั้นเป็นแค่เด็กฝึกงาน แม้ชายหนุ่มรุ่นน้องคอยวนเวียนอยู่กับเขา แต่ก็ทิ้งระยะห่างอย่างพอดิบพอดี ไม่มากเกินไปจนเยี่ยซิวอึดอัด รู้ตัวอีกทีเยี่ยซิวก็ลดความระมัดระวังลงแล้วปล่อยให้อวี้เหวินโจวอยู่ใกล้เขาอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“จะกลับแล้วหรือครับ”
“อ้อ เหวินโจวเองหรือ?” เยี่ยซิวพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างเชื่องช้าแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง “เกอว่าจะกลับแล้ว แต่ฝนนี่สิ ตกหนักไม่ยอมหยุดเลย”
อวี้เหวินโจวหัวเราะ “ถ้าไม่รังเกียจ ผมไปส่งได้นะครับ?”
เยี่ยซิวมองหยาดฝนที่พัดกระหน่ำอยู่ด้านนอกและอวี้เหวินโจวที่ยืนรอคำตอบอย่างใจเย็นสลับกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ตรงหัวมุมมีร้านเปิดใหม่ พวกเราไปแวะทานข้าวกันก่อนไหมครับ”
“เอาสิ”
เยี่ยซิวตอบง่ายๆ ก่อนที่ทั้งเขาและอวี้เหวินโจวจะพากันเข้าไปในภัตตาคารเปิดใหม่ ภายในนั้นประดับตกแต่งอย่างสวยงาม อาหารก็รสชาติอร่อยจนเยี่ยซิวอดกินอีกหลายคำไม่ได้
แต่กินไปกินมาเยี่ยซิวกลับรู้สึกแปลกๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” อวี้เหวินโจวเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเยี่ยซิวมองซ้ายมองขวา
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” เยี่ยซิวโบกไม้โบกมือไปมา ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าแปลกตรงไหน
ภายในร้านเกินครึ่งเป็นคู่รัก ราวกับว่านัดแนะกันมาอย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยซิวคีบกับข้าวพลางพิจารณาใบหน้าของคนที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ อวี้เหวินโจวจัดว่ามีใบหน้าได้รูป ดวงตาเรียวรี อาจจะไม่ถึงขนาดหล่อกระชากใจสาวๆ แต่ก็นับเป็นหนุ่มแนวสุภาพบุรุษอ่อนโยนได้อยู่ล่ะมั้ง?
“จ้องผมนานๆ แบบนี้ผมก็เขินนะครับ”
“เกอกำลังคิดว่าหน้าตาแบบนายน่าจะมีแฟนสาวน่ารักๆ สักคน” เยี่ยซิวเท้าคาง มุมปากยกยิ้มหยอกเย้า “คงไม่ใช่ว่ากำลังจีบเกออยู่ใช่ไหม”
อวี้เหวินโจวกลับยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว แล้วเอ่ยด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ
“ผมนึกว่าคุณรู้ตัวอยู่แล้วเสียอีก รุ่นพี่”
เยี่ยซิวแทบทำตะเกียบร่วง “เอ่อ เกอว่า…”
“อย่าปฏิเสธว่าอะไรทำนองว่า ‘เราสองคนเข้ากันไม่ได้’ เลยครับ” อวี้เหวินโจวโน้มลงมาใกล้ ปลายนิ้วเค้นคลึงหลังฝ่ามือของเยี่ยซิวอย่างแผ่วเบา “ร่างกายเราเข้ากันได้ดีแค่ไหน คุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือ”
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบผ่านบริเวณผิวที่ถูกสัมผัส เยี่ยซิวสะดุ้ง รีบยกมือปิดปากชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“นี่ในร้านอาหารนะ”
“ถ้าในที่ส่วนตัวก็ทำได้?”
“เกอไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” เยี่ยซิวกระซิบเสียงหนัก ใบหน้าขึ้นสี ดูทั้งโกรธทั้งอายในคราวเดียวกัน
“ห้องของผม?”
“เกอบอกว่า…”
“คิดเงินด้วยครับ”
“เหวินโจว!”
“…เดี๋ยว…อืม…ช้าหน่อย….เหวินโจว”
เยี่ยซิวส่งเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นๆ รุกไล่จนหายใจไม่ทัน รอบตัวถูกรายล้อมด้วยกลิ่นของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า อวี้เหวินโจวพรมจูบตามลำคอ เรื่อยมาจนถึงหัวไหล่ ออดอ้อนคลอเคลียจนเยี่ยซิวมือไม้อ่อนยวบ
“เรา…ข้ามขั้นไปหรือเปล่า” เยี่ยซิวใช้จังหวะที่ริมฝีปากถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“…งั้นหรือครับ” อวี้เหวินโจวทำท่าไม่แน่ใจเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มละอายใจออกมา “ขอโทษครับ ผม…ตื่นเต้นไปหน่อย”
อวี้เหวินโจวรวบฝ่ามือขาวสะอาดของอีกฝ่ายขึ้นมา นิ้วเรียวยาวที่สวยยิ่งกว่าผู้ชายคนใดที่อวี้เหวินโจวเคยพบถูกจูบทีละนิ้ว ทีละนิ้วอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มอ่อนวัยช้อนตามอง ทำให้ผู้อาวุโสกว่ารู้สึกเหมือนความร้อนจากปลายนิ้วถูกส่งผ่านมาถึงใบหน้า
“ผมชอบคุณ ชอบมานานแล้ว” อวี้เหวินโจวกระซิบเสียงพร่า “รับรักผมได้ไหมครับ เยี่ยซิว”
เยี่ยซิวอ้าปากค้าง หน้าร้อนจนแทบไหม้
…โดนจู่โจมหนักขนาดนี้ คนแก่หัวใจอ่อนแออย่างเขาจะมีคำตอบนอกเหนือจากคำว่าตกลงไปได้อีกหรือ
แต่ดูเหมือนคนหนุ่มจะได้ใจมากเกินไป คืนนั้น ผู้อาวุโสจึงถูกทรมานสังขารไปอีกหลายรอบ
“…เหวินโจว เกอไม่ไหวแล้ว”
“ถ้าคราวนี้ตื่นมาแล้วคุณจำไม่ได้ ผมจะใช้ร่างกายช่วยบอกคุณเอง”
“…เดี๋ยว…อือ…เบาหน่อย…”
“ได้ผมไปแล้ว ก็ช่วยรับผิดชอบผมด้วยสิครับ”
และหลังจากคืนนั้นก็ทำให้เยี่ยซิวได้รับรู้ว่าคนรักหนุ่มหมาดๆ ของเขา…ก็เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
END
อยากลองเขียนบรรยากาศเรื่องที่ไม่เคยเขียนดูค่ะ ระหว่างนี้วิญญาณพี่อวี้เข้าทรงอยู่หลายรอบเหมือนกัน ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นอย่างที่เห็น(……) พอเขียนเสร็จก็รู้สึกเขินอีกต่างหาก555
เอาเป็นว่าสวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน!