QZGS

[Fic QGZS] – ดวงดาว (เถาเยี่ย)

Fic 全职高手 – ดวงดาว (เถาเซวียน x เยี่ยซิว)
Note : ยังไม่ได้อ่านเล่มสิบค่ะ
Note2 : จะเรียกว่าฟิคก็เกรงใจ โปรดเรียกว่ากาว–

 

 

(01)

 

“คุณเคยนึกเสียใจภายหลังบ้างไหม”

 

เถาเซวียนชะงัก มองรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ที่ไหลเอนพิงโซฟาเหมือนแมวเกียจคร้าน ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยดูเจ้าเล่ห์แสนกล ริมฝีปากสีเรื่อคาบบุหรี่ไว้อย่างหมิ่นเหม่คลี่ยิ้มกว้าง

เขาส่ายหน้า นึกอยากบอกให้อีกฝ่ายเพลาเรื่องบุหรี่ลงหน่อย แต่จนใจที่ตนเองก็สูบจัดไม่ต่างกัน

“ไม่เลยหรือ? พี่คิดว่าการลงทุนครั้งนี้จะสำเร็จ?”

สมาพันธ์ลีคกลอรี่กำลังก่อร่างสร้างตัว เถาเซวียนเป็นคนพบเจอเด็กหนุ่มคนนี้ที่ร้านเน็ตของตนเอง เพียงแค่ได้เห็นเด็กคนนี้ เถาเซวียนก็รู้ว่ามันจะไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน

นับว่าเขามีสายตาที่กว้างไกล เขากล้าที่จะเสี่ยงเพราะเขามั่นใจว่าเยี่ยชิวเป็น ‘ของจริง’

ยามที่ทวนศึกกวัดไกว มลายสิ้นซึ่งภัยพาล

ยามเทพสงครามร่ายรำ นำมาซึ่งความพินาศของศัตรู

ในดวงตานั้นพราวระยับ อัดแน่นด้วยความฝัน ความมุ่งมั่น ความกระหายในชัยชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นเยี่ยชิว

อี๋เยี่ยจือชิว–เยี่ยชิว

ไพ่ราชาของเจียซื่อ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจียซื่อ

เถาเซวียนเคยเฝ้ามองประกายแสงนั้นอย่างเงียบเชียบ ในห้องที่มืดสนิท มันส่องสว่างดุจดวงดาวบนฟากฟ้า

เยี่ยชิวเป็นเหมือนดาวจรัสแสง ที่เขาเคยคิดว่าจะไม่มีวันปล่อยมือ

เถาเซวียนเคยคิดเช่นนั้น

 

 

(02)

 

“คุณตัดสินใจแล้ว?”

เถาเซวียนพยักหน้า หลังพิจารณารายละเอียดสัญญาซื้อตัวนักกีฬาคนใหม่ของสโมสร เขาวางมันลง ก่อนจะประสานมือลงบนหน้าตักของตนเอง

“แล้ว…เรื่องเยี่ยชิว?”

ชายหนุ่มถอนหายใจ เพียงเท่านั้นผู้จัดการสโมรสรทราบความหมายโดยนัยของเขา อีกฝ่ายออกไปจัดการเรื่องทุกอย่าง ปล่อยให้ห้องทำงานเหลือเพียงเถาเซวียนแต่เพียงผู้เดียว

หางตาเหลือบเห็นซองบุหรี่นอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะ

เขาหยิบมันขึ้นมา จุดไฟ ปล่อยให้เปลวไฟลามเลียปลายแท่งอย่างเชื่องช้า แล้วหลับตาลง สูดเข้าปอดแรงๆ

ไม่รู้ทำไมรสชาติของมันจึงขมปร่าและฝืดคอกว่าที่เคย

 

เสมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง

ชายหนุ่มที่พึ่งสังเกตเห็นเขาก็นิ่งไปเช่นกัน

ชั่วขณะหนึ่ง ต่างคนต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

เถาเซวียนมองดูรูปร่างของอีกฝ่ายใต้เสื้อตัวโคร่ง อดเอ่ยไม่ได้ว่า “ทานอะไรหน่อยไหม ฉันเลี้ยงเอง”

เยี่ยชิวเพียงยิ้มเรียบๆ ท่าทางแตกต่างจากวันวาน มานึกดูแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเยี่ยชิวเปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ห่างเหินกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่หากบอกว่าไม่รู้สาเหตุเกิดจากอะไรก็ดูจะเป็นเรื่องโกหกกันเกินไป

อีกฝ่ายเบี่ยงตัวให้เขาเดินนำไปก่อน เถาเซวียนเลือกร้านตรงสุดหัวมุมถนน ไม่ใช่ร้านอาหารเลิศหรูหรือมีอะไรพิเศษ เป็นเพียงร้านที่พวกเขาเคยมาประจำเมื่อก่อนเท่านั้น

เถาเซวียนนั่งลง สั่งอาหารที่จำได้ว่าเป็นของชอบของอีกฝ่ายมาสามสี่อย่าง น้ำซุปร้อนๆ อีกสองถ้วย

เยี่ยชิวก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ เขาเองก็กินเงียบๆ เข่นกัน

คนสองคน สองความคิด หนึ่งเพื่ออุดมการณ์ อีกหนึ่งเพื่อเงินตรา

เมื่อเยี่ยชิวหยุดกิน เถาเซวียนก็วางตะเกียบลง สองร่างเดินฝ่าไปในความมืด แสงไฟสลัวที่ส่องกระทบร่างทำให้เงาที่ทอดลงมาเป็นรูปร่างประหลาด

เถาเซวียนมองดูเงาของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จนเกินจะคว้าจับ

หรือเป็นเขาที่เลือกปล่อยไป

เงาร่างของเถาเซวียนยืนอย่างโดดเดี่ยว

 

วันถัดมา เยี่ยชิวก็เป็นฝ่ายเซ็นสัญญาวางมือ

 

 

(03)

 

เถาเซวียนลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่

ชายหนุ่มสวมสูทลำลองใหม่เอี่ยม ผมถูกหวีและจัดแต่งทรงอย่างดี หนวดเคราก็ถูกโกนจนสะอาดสะอ้าน ในฐานะเจ้าของสโมสร เขารักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ

อีกอย่างคือ เยี่ยชิวเคยบอกว่าไม่ชอบให้เขาไว้หนวด

เด็กคนนั้นผิวบอบบางกว่าที่คิด เถาเซวียนนึก ยามแนบชิด ผิวอ่อนนุ่มจะระคายเคืองจนกลายเป็นสีแดงอ่อนๆ

เขาข้ามไปฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อขอพบเยี่ยชิว

เขาลอบสังเกตอีกฝ่าย เยี่ยชิวยังคงเหมือนเดิม ผิวขาวซีดเซียวตามประสาคนไม่เคยออกแดด นิ้วมือเรียวล้วงหยิบบุหรี่แท่งหนึ่งแล้วโยนมาให้เขา แต่เถาเซวียนไม่ทันได้ตั้งตัว บุหรี่จึงร่วงลงกับพื้น

เขาฝืนยิ้ม เก็บมันขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“กลับมาเถอะ!”

แต่เถาเซวียนลืมนึกไป บางทีเส้นทางของพวกเราคงแตกต่างจนไม่สามารถเดินร่วมทางกันได้อีกแล้ว

 

สุดท้าย เยี่ยชิวก็ไม่กลับมา

 

 

(04)

 

“คุณเถา?”

เถาเซวียนกระพริบตา ดึงตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความจริง นึกทบทวนคำถามเมื่อครู่ที่ทำให้ตนหวนนึกถึงอดีต

‘คุณเคยนึกเสียใจภายหลังบ้างไหม’

เถาเซวียนบิดยิ้ม เขารู้ความหมายของนักข่าวคนนั้น แต่เขาเลือกที่จะกล่าวถึงไพ่ราชาคนใหม่ กลยุทธ์การเล่นแบบใหม่ กล่าวถึงอนาคตข้างหน้าของเจียซื่อ

รัชสมัยรุ่งโรจน์ แต่ผู้ที่ร่วมสร้างมันมาด้วยกันนั้น ไม่มีอีกต่อไป

 

ใบไม้ร่วงหล่น ฤดูกาลผันแปร สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ

วันเวลาไม่อาจหวนคืน

 

แสงแฟลชวูบวาบ ทิ่มแทงกระบอกตาเสียจนแสบร้อน

 

หลงเหลือเพียงดวงดาวที่มอดแสงลง และเขาเป็นผู้ดับมันด้วยตัวเอง

 

 

 

 

 

 


 

ช่วงนี้โดนกาวเถาเยี่ยบ่อยเหลือเกิน/พรากกกกกก

เถาเกอออออออออออ/สูดกาวฟืดด–

 

 

ใส่ความเห็น