QZGS

[Fic QZGS] – Sweetaholic III (ซุนเยี่ย)

Fic 全职高手 – Sweetaholic III (ซุนเสียง x เยี่ยซิว)
#ซุนเยี่ย
note : ในที่สุดก็มีวันนี้!

ตอนก่อนหน้า : I , II

 

 

 

“นอกจากผม มีคนอื่นที่เป็นเค้กอีกไหม”

 

เสียงกระซิบดังขึ้นในระยะประชิด

 

คำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เยี่ยซิวชะงักเล็กน้อย ชายหนุ่มสูดนิโคตินเข้าปอด นึกไล่รายชื่อนักกีฬาอาชีพในหัว ดูเหมือนจะมีอยู่ไม่กี่คน

 

“แล้วก็…หานเหวินชิง”

 

พอเอ่ยชื่อสุดท้าย ใบหน้าของซุนเสียงก็แปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง แต่นั่นไม่รอดพ้นสายตาของเยี่ยซิว

 

บุหรี่ถูกยื้อแย่ง ความหวานนุ่มของครีมนมดึงดันเข้ามาด้านใน เยี่ยซิวไม่ขัดขืน เพียงปล่อยตัวไปตามความอ่อนหวานที่ได้รับ

 

ภายในห้องที่เงียบสงัด สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมหายใจที่สอดประสาน และเสียงหัวใจของตนเอง

 

 

 

ควันสีขาวลอยเอื่อย

 

เยี่ยซิวเหม่อมองมันครู่หนึ่ง ก่อนได้สติกลับมาเพราะเสียงโครกครากที่ดังขึ้น ชายหนุ่มขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งให้สบายตัวกว่าเดิม ไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นไปหาของกินแต่อย่างใด

 

หลังจากที่ซุนเสียงกลับไปคืนนั้น เยี่ยซิวก็ไม่ได้เจอเด็กหนุ่มอีกเลย

 

สำหรับฟอร์ค อาหารอะไรก็ตามล้วนไร้รสชาติ ไม่ว่าจะน่ากินแค่ไหน กลิ่นหอมแค่ไหน เมื่อได้รับประทานก็จืดชืดไม่ต่างจากการเคี้ยวยางลบ

 

เยี่ยซิวไม่มีความอยากอาหาร แต่ยอมรับว่าเมื่อมีรสชาติของเค้ก เขาก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย

 

เขาลูบหน้าท้องของตน นึกถึงรสชาตินุ่มลิ้น ผสมกลิ่นของเนยและนมสดยิ่งรู้สึกน้ำลายสอ

 

เยี่ยซิวเคยมีความคิดที่จะหยุดกินเค้กจากเด็กหนุ่มหลายครั้ง

 

เมื่อก่อนที่ไม่เคยได้ลิ้มลองนั้น เยี่ยซิวคิดว่าตนสามารถหักห้ามใจได้ แต่พอได้ชิมรสชาติของซุนเสียงแล้ว การจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นยากกว่าหลายเท่า

 

เยี่ยซิวไม่มีโทรศัพท์ QQ จึงเป็นช่องทางการเดียวที่พวกเขาใช้ติดต่อกัน มันนิ่งเงียบไม่มีสัญญาณจากอีกคนมาเกือบเดือนแล้ว

 

ดูเหมือนจะโกรธจริงๆ เยี่ยซิวรู้สึกจนใจ

 

 

ซุนเสียงเป็นคนดื้อดึง

 

เป็นคนหนุ่มที่มีพลังงานเหลือล้น ให้ความรู้สึกพุ่งพล่านกระหายอยากในชัยชนะ ทำให้นึกย้อนไปยังสมัยที่เขาเข้ามาในกลอรี่แรกๆ ความร้อนแรงเช่นนี้ทำเอาเยี่ยซิวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ยอมรับว่าถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย

 

แต่เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

 

การที่เขาแตะต้องซุนเสียง ปลดปล่อยความต้องการให้อีกฝ่ายเพราะว่าต้องการกินเค้ก นั่นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากซุนเสียงเป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขีดเส้นแบ่งของเขาเรื่อยๆ นั่นคือมีปัญหานิดหน่อยแล้ว

 

ภายใต้ใบหน้าเฉยชา แท้จริงแล้วซ่อนความคิดไว้มากมาย

 

ระหว่างพวกเราแค่ความใคร่ แค่การแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ที่ยุติธรรม เยี่ยซิวเชื่อแบบนั้นมาโดยตลอด

 

แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่แค่นั้นล่ะ

 

 

เยี่ยซิวพ่นลมหายใจสีขาวออกมายาวเหยียด

 

เรื่องความสัมพันธ์อะไรนี่ เขาไม่ถนัดเลยจริงๆ

 

 

 

“…ซิว! เยี่ยซิว!”

 

เสียงตะโกนดังขึ้นข้างหู เยี่ยซิวผงะถอย จากนั้นก็เห็นใบหน้าถมึงทึงของผู้เป็นเจ้านายเต็มสองตา จึงถามด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ

 

“เจ้านายมีอะไรหรือ”

“ยังจะถามอีก!” เฉินกั่วควันออกหู “คนอื่นเขาจะไปกันหมดแล้ว นายเก็บของหรือยังฮะ!” เธอมองไปรอบตัวของหมอนี่ ยังไม่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าเลยแม้แต่ใบเดียว

“อ้อ ก็ไปสิ!” เยี่ยซิวจัดแจงปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นตามเฉินกั่วไปตัวเปล่า เจ้านายสาวมองอย่างเอือมระอา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

 

ในที่สุดก็ถึงเวลาของสัปดาห์งานออลสตาร์

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น จะว่าไวก็ไว จะว่าช้าก็ช้า

 

เฉินกั่วไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังมา จึงหันกลับไปเห็นว่าเยี่ยซิวเหม่ออีกแล้ว เมื่อเธอตะโกนเรียก หมอนั่นถึงสะดุ้งแล้วเดินตามมาอย่างเอื่อยๆ

 

เธอรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย พักหลังเยี่ยซิวดูเหม่อลอยอย่างไรชอบกล ข้าวปลาก็ไม่ค่อยแตะ หวังว่าคงไม่เป็นลมล้มพับไปหรอกนะ

 

 

เมื่อมาถึงเมือง S ด้วยการนำทางของเยี่ยซิว ทำให้พวกเธอรอดพ้นจากการหลงทางไปได้อย่างหวุดหวิด ระหว่างที่ดูรายการน้องใหม่ขอท้าอย่างเมามันเยี่ยซิวก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอก็โบกมือส่งๆ อย่างไม่ใส่ใจ

 

เยี่ยซิวกลับมาด้วยใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย เฉินกั่วยังไม่ทันได้ถามก็โดนอีเว้นท์บนเวทีดึงความสนใจไปหมดสิ้น

 

เนื่องจากเพราะวันที่สองเยี่ยซิวใช้ท่ามังกรผงกเศียร เพื่อหลีกเลี่ยงการโม่งแตก วันที่สามเยี่ยซิวจึงไม่ได้มาร่วมด้วย เฉินกั่วเมื่อรู้ว่าเยี่ยซิวคือคนเดียวกันกับมหาเทพเยี่ยชิวที่ตนเทิดทูนบูชาก็กลับไปรบเร้าให้เยี่ยซิววิเคราะห์การเล่นวันนี้เสียยกใหญ่ เมื่อตนพอใจจึงปล่อยเยี่ยซิวกลับห้องไปได้

 

เยี่ยซิวเหงื่อตกเล็กน้อย สาวๆ นี่เอาใจยากจริงๆ

 

เยี่ยซิวนึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาจึงตบกระเป๋ากางเกง พบว่าในกระเป๋าว่างเปล่า นิ่งคิดสักพักก็ตัดสินใจลากสังขารตัวเองลงไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

จ่ายเงินเสร็จแค่ครู่เดียว กลิ่นหอมประหลาดก็โชยมาแตะจมูก

 

เยี่ยซิวเผลอสูดเข้าปอดอย่างลืมตัว กลิ่นหวานๆ เช่นนี้เขาเคยได้กลิ่นมันมาก่อน

 

“รุ่นพี่?”

 

เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เยี่ยซิวปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันไปยิ้มเรื่อยๆ ให้เด็กหนุ่มที่ดูจะทำตัวไม่ถูกเมื่อพบเจอมหาเทพโดยบังเอิญ

 

“รุ่นพี่มาซื้อของหรือครับ” เฉียวอี้ฟานถามอย่างสุภาพเกรงใจ ตัวเขาถูกรุ่นพี่ในสโมสรใช้ให้มาซื้อน้ำอย่างเคย ซึ่งเขาก็ยอมมาอย่างไม่อิดออด ไม่คาดคิดว่าจะได้มาพบเยี่ยซิวที่นี่

 

“อืม ฉันไปก่อนล่ะ!” เยี่ยซิวขอตัว รีบพาตัวเองออกห่างจากเฉียวอี้ฟานอย่างแนบเนียน เด็กหนุ่มดูงุนงง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยรั้งเอาไว้

 

 

เยี่ยซิวหลบเข้าไปในตรอกร้างผู้คน คู้ตัวลงและหอบหายใจแรง กลิ่นของเฉียวอี้ฟานในระยะประชิดทำให้เขาแทบขาดสติ

 

เขาเคยได้ยินว่าหากฟอร์คได้ลองลิ้มรสเค้กแล้ว การจะควบคุมตนเองจะต่ำลง คล้ายกับบางคนที่เคยกินผักมาทั้งชีวิต แต่พอได้ลองกินเนื้อแล้วก็กลับไปแค่กินผักอย่างเดิมไม่ได้อีกต่อไป

 

และยิ่งเป็นเยี่ยซิวที่ก่อนหน้าได้กินเค้กอยู่เป็นประจำ แต่คราวนี้กลับขาดเค้กไปเป็นเวลานาน ดังนั้นเมื่อพบเจอเค้กที่ดูจะหอมอร่อย เยี่ยซิวก็เริ่มคุมสติไว้ไม่อยู่

 

ใช่ เด็กคนนั้น–เฉียวอี้ฟานเป็นเค้ก

 

เขารู้เมื่อหลังงานออลสตาร์วันแรก เขาไปพบเด็กหนุ่มที่ร้องไห้อยู่ในอุโมงค์ยาว กลิ่นหอมที่ลอยอบอวลทำให้เยี่ยซิวนึกรู้ได้ทันที เขาต้องจิกเล็บลงไปในเนื้อแรงๆ หลายครั้ง จึงดึงตัวเองกลับมาได้

 

“…! รุ่นพี่!”

 

เยี่ยซิวรู้สึกเหมือนแขนของเขาถูกสอดเพื่อพยุงตัวขึ้น กลิ่นที่จางหายเริ่มกลับมาอีกครั้ง เขาจับแขนเฉียวอี้ฟานแน่น พยายามเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

 

“…ถอย…ไป…”

 

เด็กหนุ่มตื่นตกใจปนสับสน อาการของรุ่นพี่เยี่ยชิวไม่เหมือนคนป่วย แต่เหมือน…คนที่เป็นฟอร์ค

 

ตอนเด็กๆ เฉียวอี้ฟานเคยโดนฟอร์คพุ่งเขาหา จากนั้นเขาเลยรู้ว่าตนเป็นเค้ก เพื่อความปลอดภัย พ่อแม่จึงให้เขาศึกษาพฤติกรรมของฟอร์คเพื่อหลีกเลี่ยง ซึ่งรุ่นพี่ตอนนี้ก็ดูเหมือนฟอร์คในยามคลั่ง…ไม่สิ รุ่นพี่ดูควบคุมตัวเองได้ดีกว่าฟอร์คพวกนั้นมาก

 

เห็นเหงื่อที่เกาะพราวบนใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเฉียวอี้ฟานก็นึกสงสาร ชายหนุ่มยื่นมือที่ไร้สิ่งปกปิดของตนไปไว้เบื้องหน้าของอีกคน

 

“รุ่นพี่…กินเถอะครับ”

 

พอเยี่ยซิวส่ายหน้าปฏิเสธ เฉียวอี้ฟานก็ร้อนใจ ขยับมือเข้าไปจ่อปากของเยี่ยซิวยิ่งขึ้น เขาแค่อยากช่วยให้รุ่นพี่ร่วมอาชีพของตนพ้นจากความทรมานเท่านั้น

 

เยี่ยซิวเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ขณะกำลังเผยอปาก เสียงตวาดลั่นก็ดังสะท้อนไปทั่วทั้งตรอก

 

“ทำอะไรกันน่ะ!!!”

 

 

 

 

ซุนเสียงรู้สึกหงุดหงิดมาก

 

เขาเปิดหน้าต่าง QQ ขึ้นมารอบที่สิบของวัน จากนั้นก็ปิด เปิดรอบที่สิบเอ็ด สิบสอง วนอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่รู้จักจบสิ้น

 

บทสนทนายังคงเป็นประโยคเดียวกันกับครั้งล่าสุดที่พวกเขาคุยกัน ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีข้อความใหม่จากผู้ที่อยู่อีกฟากเช่นเคย

 

คนคนนั้น…เห็นเขาเป็นแค่เค้กจริงๆสินะ

 

ซุนเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ อย่างงุ่นง่านสับสน นึกอยากวิ่งไปดูคนหน้าไม่อายฝั่งตรงข้าม แต่ก็ข่มกลั้นไว้สุดความสามารถ

 

นี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ เขาเป็นคนตัดสินใจแบบนี้เองไม่ใช่หรือไง

 

ซุนเสียงพยายามสงบใจลง นึกครุ่นคิดหาเหตุผลมาดึงความสนใจของตนเอง แต่เมื่อเผลอนึกไปถึงท่าทีของอีกฝ่ายก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ได้ยินว่าทางผู้จัดออลสตาร์จะขอเชิญเยี่ยชิวไปร่วมล่ะ”

 

ซุนเสียงหยุดชะงัก หูผึ่งอย่างรวดเร็ว

 

“นั่นสิ แต่ได้ยินว่าเยี่ยชิวไม่มีมือถือ ไม่รู้ว่า…”

 

เสียงพูดคุยเริ่มห่างออกไป ซุนเสียงยืนนิ่ง

 

ถ้างั้นคงได้เจอกันที่งานออลสตาร์สินะ?

 

ราวกับมีใครมาราดน้ำให้มอดดับ จิตใจที่ร้อนรุ่มของซุนเสียงเริ่มกลับมาสงบนิ่ง กลายเป็นว่าเขาเฝ้ารอคอยสัปดาห์งานออลสตาร์อย่างใจจดใจจ่อแทน

 

 

ไม่มี

 

ซุนเสียงพยายามเพ่งมอง แต่ก็ไม่เห็นเงาของใครคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

ความรู้สึกไร้ที่ระบายทำให้ซุนเสียงหัวเสียง่ายกว่าปกติ ถึงขนาดเห็นหน้าของกัปตันแห่งป้าถูแล้วก็นึกถึงตอนที่เยี่ยซิวตอบคำถามตน

 

‘แล้วก็…หานเหวินชิง’

 

จากนั้นซุนเสียงจึงท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ผลสรุปคือพ่ายแพ้กลับมา

 

 

ลูกทีมของเจียซื่อต่างเข้าหน้ากัปตันของตนไม่ติด แม้แต่หลิวเฮ่าที่ชอบประจบประแจงอยู่ข้างๆ ก็หลีกหนีหายไปไกล

 

ใครใช้ให้ช่วงหลังกัปตันซุนดูอารมณ์ไม่ดีขนาดนั้นล่ะ! เหมือนหมาป่าที่พร้อมจะตะปบใครก็ตามที่เข้าใกล้ไม่มีผิด! ลูกทีมเจียซื่อน้ำตาไหลพราก แถมวันแรกกัปตันก็พ่ายแพ้แก่หานเหวินชิง วันนี้เลยพกความอัดอั้นมาเต็มอัตรา

 

ขณะที่ซุนเสียงทำหน้าเหมือนพร้อมจะขย้ำใครสักคน การแข่งขันบนเวทีก็ดำเนินต่อไป ตู้หมิงจากทีมเจ้าบ้านยังคงแข่งขันอย่างดุเดือดกับสาวงาม ซุนเสียงไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่ จนกระทั่ง…

 

“มังกรผงกเศียร! ใครอยู่บนแท่นควบคุม!!”

 

คนทั้งงานต่างแตกตื่น ซุนเสียงเผลอผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว กวาดมองหาร่างที่คุ้นเคย แต่ก็คว้าน้ำเหลว

 

 

วันที่สามเยี่ยชิวไม่มา

 

ลูกทีมเจียซื่อพากันหลบหลีกกัปตันซุนเช่นเดิม กัปตันที่ดูดุร้ายแบบนี่พวกเขาขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วกัน เจียซื่อยกขโยงกลับที่พักด้วยความกระอักกระอ่วนเช่นนี้เอง

 

ซุนเสียงรู้สึกกระสับกระส่าย นอนก็นอนไม่หลับ เสมือนมีบางสิ่งกวนใจเขาอยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจเลือกลงไปเดินรับลมด้านล่าง ที่พักของเจียซื่ออยู่ใกล้กับเวยเฉ่า ซุนเสียงหวังว่าคงไม่เจอคนจากสโมสรอื่นตอนนี้

 

ชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย จึงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ แต่สายตาคมปลาบเหลือบไปเห็นเงาร่างขยับไหวอยู่ภายในตรอก

 

ท่าทางแบบนั้น…เด็กจากเวยเฉ่าไม่ใช่หรือไง?

 

ซุนเสียงเข้าใกล้จนได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ดังลอดออกมา

 

“…ย….ไ…”

 

“รุ่นพี่…กินเถอะครับ” น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงและคะยั้นคะยอทำให้ซุนเสียงติดใจสงสัย ทันใดนั้นเองโครงร่างที่คุ้นเคยปรากฏเข้าสู่ครรลองสายตา

 

เยี่ยชิว!?

 

ซุนเสียงเบิกตากว้าง มองร่างของเยี่ยชิวที่ถูกตระกองกอดไว้โดยเฉียวอี้ฟาน ท่าทางใกล้ชิดเกินกว่าจะเป็นแค่คนรู้จักทั่วๆ ไป

 

จากคำพูดที่ตนได้ยินก่อนหน้า รวมทั้งท่าทางของทั้งคู่ ซุนเสียงนำมาประมวลผลอย่างรวดเร็ว หรือว่าเฉียวอี้ฟานจะเป็นเค้ก…แล้วเยี่ยชิวกำลังจะกินเด็กหนุ่มคนนั้นงั้นหรือ?

 

ซุนเสียงกำหมัดแน่น

 

ทำแบบนี้กับใครก็ได้งั้นหรือ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเขา แต่ขอแค่เป็นเค้กก็พอ?

 

ซุนเสียงขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน

 

ถ้าเป็นคนอื่น ก็จะทำแบบนี้เหมือนกันสินะ?

 

ริมฝีปากนั่นจะจูบกับคนอื่น มือคู่นั้นจะสัมผัสกับคนอื่น ร่างกายนั้นนั้นจะถูกโอบกอดโดยคนอื่น

 

ในสายตาของเยี่ยชิวเขาก็เป็นแค่เค้ก…เป็นแค่ของที่ถูกแทนที่ได้อย่างง่ายดาย

 

ไม่ยอมหรอก

 

 

 

“ทำอะไรกันน่ะ!!!”

 

สองร่างผละออกจากกันด้วยความตกใจ ซุนเสียงสาวเท้าเข้าไปอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าอึมครึม

 

“รุ่นพี่…ซุนเสียง?” เฉียวอี้ฟานมองหน้าซุนเสียงสลับกับเยี่ยซิวอย่างสับสน

 

“ทางนี้ฉันจัดการเอง นายไปได้แล้ว”

 

“แต่ว่า…” เฉียวอี้ฟานทำท่าจะค้าน แต่เมื่อถูกแรงกดดันที่มองไม่เห็นจากซุนเสียง เด็กหนุ่มก็ปิดปากเงียบ เฉียวอี้ฟานหันไปมองเยี่ยซิวด้วยความเป็นห่วง แต่หลังจากเห็นซุนเสียงเข้าไปพยุงเยี่ยซิวด้วยตัวเองก็เริ่มวางใจ

 

ยังไงรุ่นพี่ก็เคยอยู่เจียซื่อมาก่อน คงสนิทกันพอควรนั่นล่ะ

 

พอคิดหาเหตุผลได้แล้วเด็กหนุ่มก็ถอยออกไปอย่างสุภาพ ด้วยเกรงว่าจะรบกวนเวลาของทั้งสอง โดยไม่รู้เลยว่าเยี่ยซิวอยากรั้งตนเองไว้ใจจะขาด ยิ่งเห็นสีหน้าของซุนเสียง เยี่ยซิวแทบจะตะโกนเรียกให้เฉียวอี้ฟานกลับมาเลยทีเดียว

 

เยี่ยซิวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงในลำคอ

 

“เสี่ยว…อึก!”

 

ลำตัวถูกดันกระแทกเข้ากับผนัง ตามด้วยร่างกายใหญ่โตกว่าเขาเกือบสิบเซนฯ วาดแขนกักกันตัวเขาเอาไว้ ซุนเสียงหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววดุร้ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“แค่ผมยังไม่พอหรือไง!” ชายหนุ่มกระชากเสียง เยี่ยซิวยังไม่ทันได้ตอบโต้กลีบปากก็ถูกครอบครองจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจเยี่ยซิวจึงกัดเข้าเต็มแรง

 

กลิ่นสนิมลอยคละคลุ้ง แต่ร่างกายเยี่ยซิวกลับแข็งทื่อ

 

หวาน…

 

รสชาติครีมนมฟุ้งกระจายเต็มโพรงปาก ที่เขาว่ากันว่าเลือดของเค้กมีรสชาติหวานที่สุดดูท่าจะเป็นความจริง

 

เยี่ยซิวขยับเรียวลิ้น ตอบสนองกลับอย่างตะกละตะกลาม

 

มากกว่านี้อีก

 

เดิมทีเยี่ยซิวก็ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้อยู่แล้ว การได้ลิ้มรสชาติที่โหยหามานานทำให้หลงลืมตัวตนไปจนหมดสิ้น

 

เอวถูกอีกฝ่ายรวบเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เยี่ยซิวครางอือเมื่อถูกรุกเร้าจนหายใจไม่ทัน ซุนเสียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ลมหายใจร้อนพรั่งพรูปะทะใบหน้าของอีกคน

 

ซุนเสียงตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยเยี่ยชิวไปเด็ดขาด

 

“ถ้าอยากกินมากกว่านี้ล่ะก็…สัญญาสิ ว่าจะมีแค่ผม”

 

เยี่ยซิวหิวจนหน้ามืดตาลาย ถูกหลอกล่อด้วยน้ำเสียงแบบนั้นก็เกือบจะพยักหน้าตกลงไปแล้ว ดีที่เขารู้สึกตัวก่อน

 

…เจ้าเด็กซุนเสียงร้ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

ซุนเสียงเดาะลิ้นอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าเยี่ยซิวไม่ตอบตกลงกลับมา ชายหนุ่มมอบจูบหวานๆ ปรนเปรอให้อีกฝ่ายมัวเมาอีกครั้ง ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เยี่ยซิวเคลิบเคลิ้มกระซิบข้างหู

 

“นี่…วันนี้ไปห้องผมนะ”

 

คราวนี้ซุนเสียงไม่รอให้เยี่ยซิวประมวลผลอะไรทั้งนั้น จัดแจงหิ้วอีกฝ่ายขึ้นห้องโดยไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ปฏิเสธ

 

 

เยี่ยซิวรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอย รสชาติหอมกรุ่นของนมสดลอยคลุ้งไปทั่ว จนเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนุ่มถึงรู้ว่าตนเองถูกโรมรันจนเนื้อตัวเปล่าเปลือยไปตั้งนานแล้ว

 

“เสี่ยว…เสี..ยง…อื้อ”

 

เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูน่าอายและติดขัด ลำคอและลาดไหล่ถูกขบกัดสลับจุมพิตไปทั่ว เยี่ยซิวหอบหายใจ ยิ่งถูกป้อนด้วยจูบหวานนุ่มยิ่งรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขัดขืน

 

ไรผมเปียกชื้น เยี่ยซิวโน้มตัวขึ้นไปพรมจูบตามฐานคอของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ซุนเสียงเหงื่อออกเยอะมาก ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงจัด กลิ่นหอมของนมสดก็เข้มแรงตามไปด้วย เยี่ยซิวพลิกตัวอย่างกระสับกระส่าย รู้สึกเหมือนไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง

 

ลิ้นอ่อนนุ่มตวัดเกี่ยวพัน ของเหลวใสถูกแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่รู้เบื่อ เยี่ยซิวครางหวิว เมื่อถูกฝ่ามือร้อนรุ่มปัดป่ายไปทั่วผิวกายก็กระถดตัวหนี แต่ร่างกายแข็งแรงของชายหนุ่มหมาดๆ ก็ติดตามมาอย่างไม่ลดละ

 

เมื่ออีกฝ่ายประกบริมฝีปากลงมา เยี่ยซิวก็ส่งเสียงในลำคออย่างท้อแท้ เขาไม่มีทางหนีแล้ว

 

ซุนเสียงมองลูกแก้วสุกใสที่เริ่มเหม่อลอยเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติที่เขามอบให้ เขารู้ดีว่าเยี่ยชิวชอบรสชาติของเขา

 

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร

 

ซุนเสียงพร่ำบอกตัวเองซ้ำๆ

 

จะชอบแต่รสชาติของเขาก็ไม่เป็นไร ชอบแค่ที่เขาเป็นเค้กก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เยี่ยชิวยังยอมให้เขาเข้าใกล้อยู่ สักวันอีกฝ่ายต้องชอบเขาเหมือนที่ชอบรสชาติของเขาแน่นอน

 

ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำให้เยี่ยชิวมัวเมาหลงใหลอยู่ในรสชาติของเขาจนไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่น อย่างน้อยให้ได้สักครึ่งหนึ่งของความรู้สึกหลงใหลที่เขามีต่ออีกฝ่ายก็พอ

 

“แค่ผมได้ไหม…”

 

เยี่ยซิวเบิกตากว้าง เมื่อครู่เจ้าเด็กนี่ว่าไงนะ

 

ซุนเสียงแนบใบหน้าเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย พูดพึมพำอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจน

 

“ขอร้องล่ะ อย่าไปสัมผัสคนอื่นเลย อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ถ้าพี่ต้องการ จะให้ผมมาเมื่อไหร่ก็ได้…

 

…แต่ขอแค่ผมได้ไหม”

 

น้ำเสียงเจือแววอ้อนวอน เจือแววดื้อดึงเอาแต่ใจ

 

ดวงตาที่มองสบเข้ามา บ่งบอกว่าทั้งหมดนี้คือความจริง

 

เด็กเย่อหยิ่งคนนั้น มาวันนี้เหมือนยอมสยบให้แก่เขาโดยสิ้นเชิง เหมือนหมาป่าโดดเดี่ยวที่ยอมให้มนุษย์ธรรมดาๆ ล่ามปลอกคอเอาไว้

 

“…เยี่ยเกอ”

 

 

ความหมายของสายตานั้น ทำไมเยี่ยซิวจะมองไม่ออก

 

ดวงตาของเยี่ยซิวไหวระริก ราวกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขาดผึง

 

เป็นเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นเอาไว้ เส้นบางๆ ที่จะว่าแข็งก็แข็ง จะว่าเปราะก็เปราะเหลือเกิน เส้นที่กั้นความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเขา บัดนี้มันได้ทะลักทลายลงมา

 

 

ทุกอณูในอกสั่นไหว

 

กล่าวได้ว่าเยี่ยซิวนั้นพ่ายแพ้แล้ว

 

พ่ายแพ้ต่อความซื่อตรงของซุนเสียง

 

 

เยี่ยซิวยกมือลูบใบหน้าของชายหนุ่มที่เขาเพิ่งได้พิจารณาอีกฝ่ายอย่างเต็มตา เขายืดตัวขึ้นจุมพิตที่มุมปากซุนเสียงเบาๆ แล้วยกยิ้ม ทุกอย่างผ่านการกระทำ ปราศจากคำพูดใดๆ

 

ซุนเสียงตาโต นี่หมายถึง…อนุญาตแล้วใช่หรือเปล่า?

 

ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากกว่านั้น เยี่ยซิวก็เป็นฝ่ายพลิกกลับมาด้านบน

 

“เยี่ยชิว” ซุนเสียงเอ่ยเสียงพร่า อีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยแก้ “เยี่ยซิว”

 

เยี่ยซิวก้มลง ค่อยๆ กัดชิมผิวหนังที่ตึงแน่นมีสุขภาพดี แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง

 

ในปากรับรู้ได้ถึงเนื้อเค้กเนียนนุ่มผสานกับรสหวานนุ่มของนมสด ลิ้นอุ่นๆ ไล่จากไหปลาร้าที่เป็นเส้นนูนชัดเจน ประทับจูบลงบนรอยบุ๋มตรงกลาง จากนั้นก็ลากมาจนถึงหน้าท้องตึงแน่น และลงต่ำไปกว่านั้น

 

เยี่ยซิวโลมเลียสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ค่อยๆ ใช้ลิ้นลากไล้ไปช้าๆ จนสุดความยาว ดูดเลียเหมือนแท่งไอศกรีม…หรือบางทีอาจจะเป็นแท่งไอศกรีมในความคิดของเยี่ยซิวจริงๆ เพียงแต่เป็นไอศกรีมที่อุ่นร้อนไปสักหน่อยเท่านั้น

 

สูดหายใจเข้าอย่างแรงเมื่ออีกฝ่ายใช้ความอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้มเขาขยับขึ้นลง ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปใต้เรือนผมนุ่ม แก่นกายกระตุกสามสี่ครั้งก่อนจะทำการปลดปล่อยในโพรงปากของอีกคน

 

เยี่ยซิวเลิกคิ้ว ใช้มือปาดเอาของเหลวขุ่นที่เลอะตามมุมปากแล้วแลบลิ้นเลีย จากนั้นก็เหยียดยิ้มเหมือนกำลังท้าทาย

 

นัยน์ตาของซุนเสียงเข้มวาว เผชิญหน้ากับการยั่วยวนโดยไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่เรื่องนี้เขาใช่ว่าจะทนได้

 

โดยเฉพาะการที่เขาอดทนที่จะไม่ทำเกินกว่าจูบกับเยี่ยซิวมาหลายเดือนแล้ว ให้ทนต่อไป ก็เกรงจะไม่ไหวเช่นกัน

 

โลกของเยี่ยซิวพลิกกลับด้าน จากนั้นเค้กก็เป็นฝ่ายเริ่มชิมฟอร์คแทน

 

ซุนเสียงรวบมืออีกฝ่ายเอาไว้ ขบกัดตามผิวเนื้อขาวเนียน

 

หวานเหลือเกิน

 

“คุณทั้งหวานทั้งนุ่ม”

 

ซุนเสียงอดพึมพำออกมาไม่ได้ เยี่ยซิวหัวเราะผสานเสียงหอบหายใจ อกหยอกเย้าอีกฝ่ายไม่ได้

 

“เกอ..ไม่ใช่เค้กสักหน่อย”

 

ซุนเสียงใช้นิ้วบุกเบิกช่องทางอ่อนนุ่ม ปลายนิ้วครูดเข้ากับผนังอุ่นร้อน หลังจากขยายออกพอประมาณ เขาก็สอดแทรกตัวตนของตนเองเข้าไปอย่างอดใจไม่ไหว

 

“อ๊ะ…อึก” เยี่ยซิวสะอึกในลำคอ สูดหายใจเข้าปอดลึกเมื่อสิ่งที่ใหญ่โตกว่านิ้วหลายเท่าค่อยๆ รุกล้ำเข้ามา ซุนเสียงรอให้อีกฝ่ายเริ่มคุ้นชิน จากนั้นก็ขยับอย่างเชื่องช้า

 

“..ฮึก…อื้อ”

 

ความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความกระสันเมื่อซุนเสียงกระแทกถูกบางจุดในร่างกายของเยี่ยซิว ลมหายใจร้อนรุ่มที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ไม่มีวันให้อีกฝ่ายสัมผัสคนอื่นนอกจากเขา ไม่มีวันให้อีกฝ่ายทอดทิ้งเขา

 

ซุนเสียงมองร่างในอ้อมแขนที่ใกล้ชิดกันจนลมหายใจหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

 

คนคนนี้ต้องเป็นของเขา

 

สะโพกขยับถี่ เยี่ยซิวสะอื้นฮัก แยกขารองรับความต้องการที่โหมกระหน่ำเข้ามา ความร้อนฉีดพุ่งเข้าไปในร่างกาย เติมเต็มช่องทางกลวงเปล่าด้วยทั้งหมดของเขา พร้อมกันกับที่ร่างของเยี่ยซิวกระตุกริก สายธารขุ่นเปรอะเปื้อนหน้าท้องขาว

 

เยี่ยซิวพลิกตัวฟุบหน้าลงกับหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน เพียงครู่เดียวสิ่งที่ยังค้างอยู่ในตัวเขากลับแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง

 

“เยี่ยเกอ…อีกรอบนะ”

 

เยี่ยซิวได้แต่ส่งเสียงประท้วงอู้อี้กับหมอนใบโต จากนั้นช่องทางด้านหลังก็ถูกอีกฝ่ายรังแกอย่างไร้ปราณี เยี่ยซิวทำได้เพียงครวญครางไม่เป็นศัพท์

 

 

 

ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าเค้กอย่างซุนเสียงดูจะเอร็ดอร่อยกว่าฟอร์คอย่างเขาเสียอีก

 

 

 

 

 

 

 

 

END

 

ตอนนี้ไม่มีใครย้ายเรือกันใช่ไหมคะ ซุนเยี่ยนะ ซุนเยี่ย (ฮา)

ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตบ้างหรือเปล่า แต่ถ้าอ่านดีๆ ในเรื่องความรู้สึกของพี่เยี่ยเราแอบใบ้ๆ ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง(รวมทั้งตอนก่อนๆ)แล้วล่ะค่ะ(หัวเราะ) พี่เยี่ยก็แค่คนมีกำแพงสูงหน่อยเท่านั้นเอง เสี่ยวเสียงพังลงไปได้แล้ว ต่อจากนี้ก็สู้ๆ นะ!

เรื่องนี้ยังไม่จบดี ถ้าขยันจะคลอดตอนพิเศษออกมานะ!

ใส่ความเห็น