QZGS

[Fic QZGS] – Sweetaholic I (ซุนเยี่ย)

Fic 全职高手 – Sweetaholic I (ซุนเสียง x เยี่ยซิว)
#ซุนเยี่ย หลังจากนอนตายมาหลายวันก็ได้ฤกษ์ฟื้นคืนชีพ….
note : cakeverse ค่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ goo.gl/kQBcD2

 

 

 

 

ลมหายใจอุ่นรดรินระผิวของกันและกัน

 

ในห้องปิดทึบ สองร่างใกลัชิดในท่วงท่าสนิทสนมเกินธรรมดาสามัญ ร่างที่สูงใหญ่กว่ามาตรฐานเด็กวัยรุ่นทั่วไปตวัดรัดร่างอีกคนจนแทบจะจมหายลงไปในอก

 

ลิ้นเปียกชื้นขยับเกี่ยวพัน เสียงเฉอะแฉะที่ไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นของใคร เสียงหัวใจดังกึกก้องอยู่ในอกจนได้ยินอย่างชัดเจนนี้ก็เช่นกัน

 

ริมฝีปากถูกความอุ่นนุ่มค่อยๆ แทะเล็มไปทีละเล็กละน้อย เชื่องช้าอ้อยอิ่งราวกับกำลังลิ้มรสของหวานชั้นเลิศ กลิ่นบุหรี่เจือจางในอากาศ กลับยิ่งกระตุ้นสัมผัสทั่วร่างให้ตื่นตัว

 

เยี่ยซิวเอียงองศาใบหน้าเพิ่มอีกเล็กน้อย มือเรียวโอบรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ใช้ปลายลิ้นกวาดเอาความหอมหวานในโพรงปาก หลับตาพริ้มอย่างเผลอไผล รสชาตินุ่มละมุนลิ้น หวานกำลังดี ไม่มากไปหรือน้อยจนเกินไป แต่ชวนให้อยากลิ้มลองอีกจนหยุดไม่ได้

 

อุณหภูมิร่างกายพุ่งขึ้นสูง เหงื่อเย็นๆ หลั่งรินลงมาจากปลายเส้นผม เยี่ยซิวละออกมากจากสิ่งที่กำลังพัวพัน ย้ายริมฝีปากไล่จุมพิตตามสันกราม เรื่อยไปถึงขมับชื้นเหงื่อ แล้วจูบซับเบาๆ

 

ความหวานนุ่มแผ่ซ่านในโพรงปาก ยากที่จะอดใจไหว เยี่ยซิวแลบลิ้นเลียตามพวงแก้ม ได้ยินเสียงคำรามต่ำๆ ดังข้างหู ก่อนจะถูกดึงกลับไปบดจูบอีกครั้ง

 

ไม่รู้นานเท่าไหร่ริมฝีปากทั้งสองคนถึงแยกออกจากกัน เยี่ยซิวเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ดวงตาเรียวโศกแฝงแววยั่วเย้า เอ่ยผสานเสียงหัวเราะแผ่ว

 

“เสร็จแล้วหรือ เกอยังไม่อิ่มเลย”

“…หน้าไม่อาย!”

 

เยี่ยซิวมองเจ้าเด็กที่ถลึงตาจ้องเขาเขม็ง แต่ใบหูแดงก่ำ เขาผลักอกซุนเสียงออกเบาๆ แผ่นอกตึงแน่นกลับส่งแรงต่อต้านผ่านออกมา แน่นอนว่าคนแรงน้อยนิดอย่างเขาย่อมไม่อาจสู้ได้

 

“เสี่ยวเสียง?”

 

ซุนเสียงนิ่งขึงผิดปกติ เยี่ยซิวจึงลองออกแรงขืนอีกหน่อย ผลลัพธ์คือถูกคนที่ถูกปรามาสว่าเด็กในใจรวบตัวเอาไว้เช่นเดิม โครงหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ แล้วอ้าปากขบเม้มบนต้นคอขาว เยี่ยซิวผินหน้าหนีด้วยความจักจี้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเปิดทางให้คนทำสะดวกยิ่งขึ้น

 

“เอาอีกแล้ว เกอไม่ใช่เค้กสักหน่อย”

 

ซุนเสียงไม่สนใจคำพูดนั้น ยังคงพรมจูบไปทั่วลำคอระหง ก่อนวนกลับมาบรรจบที่ริมฝีปากชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ฝ่ามือสอดใต้เรือนผม ประคองดวงหน้าหมดจดขึ้นมามอบสัมผัสลึกล้ำ รับรู้ดีว่าสิ่งที่ดำเนินอยู่นี้ไม่ใช่ความรัก

 

 

ซุนเสียงไม่เคยเจอฟอร์ค และไม่คิดว่าเงาสะท้อนที่มองตอบกลับมาทุกวันจะกลายเป็นเค้ก

 

ที่เขารู้ก็เพราะว่ามีฟอร์คผอมแห้งแรงน้อยคนหนึ่งที่เจอกันแค่ครั้งแรกก็มาขอชิม

 

 

“นายเป็นเค้ก แล้วบังเอิญเกอก็เป็นฟอร์ค ดังนั้นขอชิมหน่อยสิ!”

 

เนิ่นนานกว่าซุนเสียงจะหาเสียงตนเองเจอ “…หา”

 

“เกอบอกว่านายเป็นเค้ก เกอเป็นฟอร์ค ขอชิมหน่อย!”

คราวนี้สติของซุนเสียงกลับมาครบถ้วน เขาตอบกลับไปด้วยเสียงอันดัง “จะบ้าหรือไง! มีที่ไหนมาขอกินกันง่ายๆ แบบนี้!”

 

เขาหวังอีกฝ่ายให้ล้มเลิกความคิดบ้าบอนี่ไปซะ แต่เยี่ยชิวดันนิ่งเงียบเหมือนขบคิดเรื่องราวอย่างจริงจัง พอเจ้าตัวคิดตกแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมาบอกเขา

 

“ถ้างั้น…แลกกับการที่เกอช่วยสอนเทคนิคของนักเวทสงครามเป็นไง?”

“ไม่เอา!”

 

เห็นซุนเสียงปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่คิดเยี่ยซิวก็เหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย จึงพยายามหว่านล้อมอีกสองสามรอบ แล้วก็ยอมล้มเลิก

 

ซุนเสียงไม่คิดจะยอมให้ใครกินทั้งนั้น โดยเฉพาะเยี่ยชิว

 

แต่แล้ว โลกของซุนเสียงก็เหมือนถูกเขย่าทั้งใบจนกระจัดกระจาย

 

เยี่ยชิวจะ…วางมือ?

 

ออกจากลีค? ออกจากกลอรี่?

 

อารมณ์หลายอย่างประเดประดังเข้ามา ตีกันจนมั่วซั่วไปหมด แต่ที่มีมากที่สุดคือความผิดหวัง

 

จะไม่ได้เจอเยี่ยชิวอีกแล้ว?

 

ซุนเสียงเม้มปาก มองใบหน้าด้านข้างที่นิ่งสนิทจนเดาอารมณ์ไม่ถูกของเยี่ยชิวแล้วพลันรู้สึกเคว้งขึ้นมา

 

เยี่ยชิวเดินออกจากสโมสรไปอย่างเด็ดเดี่ยว แผ่นหลังยืดตรง หยิ่งทระนงอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ

 

เขาไม่เข้าใจว่าตนจะตามเยี่ยชิวออกมาทำไม

 

พอเห็นเยี่ยซิวกำลังจะหายไป ร่างกายของซุนเสียงก็ตอบสนองโดยอัตโนมัติ

 

“เยี่ย…เกอ!” ซุนเสียงลืมตัวตะโกนเรียก ใบหน้ายังมีอารมณ์สับสนปนเป แต่พอเยี่ยชิวหันกลับมา สบเข้ากับดวงตาที่ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ ความลังเลก็หายวับ เหลือเพียงแต่ความแน่วแน่ “ที่พี่บอก ผมตกลง!”

 

 

ความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างหนึ่งเค้กกับหนึ่งฟอร์คเริ่มต้นเช่นนี้เอง

 

 

 

เยี่ยซิวเป็นฟอร์ค

 

เรื่องพวกนี้เขารู้ตั้งแต่จำความได้

 

และเพราะเป็นฟอร์ค จึงไม่สามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้ เยี่ยซิวจึงไม่มีความอยากอาหารเสียเท่าไหร่ กินน้อยเสียยิ่งกว่าแมวดม โชคยังดีที่เขาไม่ได้ใช้พลังงานในการขยับตัวเยอะ วันๆ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเดียว นั่นทำให้เยี่ยซิวผอมแห้งแรงน้อยยิ่งกว่าฟอร์คทั่วไปหลายเท่า

 

เยี่ยซิวเคยคิดเล่นๆ ว่า จะได้ลิ้มลองรสชาติเค้กหรือไม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร

 

แต่เมื่อเจอเค้กที่ถูกใจจริงๆ ดันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

ครั้งแรกที่เดินสวนกัน เยี่ยซิวก็ได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากร่างของซุนเสียง รับรู้ได้ทันที่ว่าคนคนนี้เป็น ‘เค้ก’

 

เยี่ยซิวไม่ชอบเค้กที่หวานเกินไป หรือขมเกินไป ว่ากันตามจริงเขาก็เคยเจอเค้กอยู่หลายครั้ง ล้วนที่มีกลิ่นหวานจนเลี่ยน ดังนั้นเมื่อพบซุนเสียงจึงแปลกใจมากๆ

 

เพราะว่าเจ้าเด็กซุนเสียงดันมีกลิ่นของเค้กนมสดที่แตกต่างกันสุดกู่กับเปลือกนอกที่ฉูดฉาดของเจ้าตัว ทำให้อดที่จะสนใจไม่ได้

 

 

เยี่ยซิวคิดว่าตนกำลังติดของหวาน

 

แผ่นหลังแนบเข้ากับผนังเย็นเฉียบ ความหวานล้ำถูกส่งผ่านประสาทรับรส สองร่างขยับแนบชิดจนไม่มีแม้แต่แสงสว่างลอดผ่าน

 

อ่อนหวาน อบอุ่น รุ่มร้อน

 

เขาไม่เคยได้รับรสชาตินี้จากใครนอกจากซุนเสียง

 

สองมือเกาะเกี่ยวบ่ากว้างของอีกฝ่ายเอาไว้ ริมฝีปากยังคงถูกรุกรานผู้อ่อนวัยกว่า อีกฝ่ายผละออกชั่วครู่เพื่อเว้นจังหวะให้เขาหายใจ จากนั้นก็ประกบจูบลงมาอีกรอบ

 

บางครั้งซุนเสียงก็ดึงดันแบบแปลกๆ

 

จูบครั้งนี้เนิ่นนานกว่าครั้งแรกมากนัก เพื่ออาหารในวันนี้และวันข้างหน้าของตน เยี่ยซิวจึงปล่อยให้ซุนเสียงจูบจนพอใจ ว่ากันตรงๆ เพราะเขาเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากกว่าเสียอีก

 

เหมือนมัวเมาอยู่ในรสชาติอ่อนหวานอันเป็นเอกลักษณ์ เยี่ยซิวไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดำเนินมาถึงขนาดนี้ไปได้

 

เยี่ยซิวใช้มือเรียวลากไล้บนแผ่นอกของอีกฝ่าย ความยืดหยุ่นที่สัมผัสได้ทำให้เพลินเพลินจนไม่อยากหยุด มือของเยี่ยซิววนรอบหน้าท้องอีกฝ่าย ใช้ปลายเล็บสะกิดตรงสะดือเบาๆ ร่างของซุนเสียงก็แข็งเกร็งขึ้นมาทันควัน

 

“หืม?”

 

เยี่ยซิวหลุดอุทานเมื่อรู้สึกบางสิ่งที่แข็งขืนดุดดันเขาอยู่เบื้องล่าง เมื่อเห็นใบหน้าแดงๆ ของซุนเสียงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะหยอกเย้า

 

“เด็กๆ ก็แบบนี้แหละน่า”

“ไม่ใช่เด็กสักหน่อย!”

 

การกระทำดังกล่าวเรียกเสียงหัวเราะจากเยี่ยซิวอีกระรอก เยี่ยซิวยังไม่อยากแหย่เด็กน้อยจนเปลี่ยนจากอายมาเป็นโกรธเสียก่อน จึงค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้น ใช้มือดึงรั้งขอบกางเกงของอีกคนลงมา ปลดปล่อยความตื่นตัวของซุนเสียงให้ออกมาภายนอก

 

เห็นกี่ครั้งก็ยังพิศวง เด็กสมัยนี้โตไวจริงๆ

 

เขายื่นหน้าไปใกล้ ใช้ลิ้นเลียส่วนหัวเบาๆ ก่อนกลืนกินตัวตนของอีกฝ่ายจนคับแน่นโพรงปาก เยี่ยซิวใช้ลิ้นห่อหุ้มความร้อนที่ขยับขยายเอาไว้ พร้อมกับใช้มือรูดรั้งไปพร้อมกัน

 

“อึก”

 

ได้ยินเสียงหายใจติดขัดดังขึ้นมาจากด้านบน แต่เยี่ยซิวไม่สนใจ ใช้ลิ้นอ่อนนุ่มไล้เลียตั้งแต่ส่วนโคนจรดปลาย ไม่นาน ความปราถนาของซุนเสียงก็ระเบิดออกออกมาเต็มล้นจนเยี่ยซิวแทบจะกลืนกินไปไม่หมด

 

เยี่ยซิวใช้นิ้วโป้งปาดเอาของเหลวสีขุ่นที่เลอะตรงมุมปากออก แล้วแลบลิ้นเลียอย่างเชื่องช้า รสชาติของมันทั้งอ่อนนุ่มทั้งหวาน ราวกับครีมสดไม่มีผิด

 

ลำแขนถูกอีกฝ่ายฉุดรั้งขึ้นมา ริมฝีปากทาบทับลงไปอย่างไม่นึกรังเกียจ เยี่ยซิวอ้าปากออกเพื่อรับสัมผัสจากอีกคน ตอนแรกเขาเป็นคนเริ่มก่อนก็จริง แต่ผู้ที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ กลับเป็นซุนเสียง

 

ฝ่ามือร้อนระอุเลื่อนลงมายังขอบกางเกง ขณะที่จะลงต่ำไปกว่านั้นเยี่ยซิวก็เป็นฝ่ายถอยห่างออกมาเสียก่อน ซุนเสียงยืนนิ่ง กำมือที่ไร้ไออุ่นของใครอีกคนแล้วขมวดคิ้วถาม

 

“ทำไม?”

 

เยี่ยซิวเหลือบมองนาฬิกา ใช้มือจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องสนใจเกอก็ได้ เกอไม่ใช่เค้กสักหน่อย มีรสชาติอะไรเสียที่ไหน”

 

พอพูดออกไปแล้วซุนเสียงกลับหน้านิ่วคิ้วขมวดกว่าเดิม

 

ทุกครั้งที่ทำแบบนี้ จะมีแค่เยี่ยชิวที่แตะต้องเขาอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาได้สัมผัสเลยแม้สักครั้ง

 

ดูเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม เขาได้ปลดปล่อย ส่วนเยี่ยชิวได้กินเค้ก แต่ซุนเสียงก็รู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี

 

ไม่รู้ว่าเพราะจ้องนานเกินไปหรืออะไร เยี่ยชิวถึงได้เริ่มทำหน้าแปลกๆ ซุนเสียงถอนหายใจ มองมองเวลาก็พบว่าใกล้จะได้เวลางานของอีกฝ่ายจึงหยิบเสื้อโค้ทมาคลุมหัวเยี่ยชิว จากนั้นก็จับข้อมือบางเอาไว้

 

“ผมไปส่ง”

 

ได้ยินเสียงอืมดังลอดออกมาใต้เสื้อคลุมแล้ว ซุนเสียงก็จูงอีกฝ่ายออกมาจากห้องพักของตน ระหว่างทางพบเจอผู้คนประปราย แต่ก็ไม่มีใครทักถึงบุคคลปริศนาที่กัปตันของพวกตนพามาเลยสักคนเดียว

 

เริ่มแรกที่กัปตันพาคนแปลกหน้าเข้ามาบรรดาสมาชิกเจียซื่อต่างตื่นตกใจกันใหญ่ แต่นานวันเข้าก็เริ่มชิน เพราะฝ่ายนั้นมาแค่อาทิตย์ละครั้ง แถมกัปตันเขาก็ดูสดชื่นผ่องใสดี ทุกคนจึงพากันหลับตาข้างหนึ่ง

 

เมื่อเลยหน้าเจียซื่อเพียงแค่ครู่เดียวเยี่ยซิวก็มองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครก็ถอดเสื้อโค้ทส่งคืนให้ซุนเสียง มือเรียวที่หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ โบกมือหยอยๆ ให้ผู้อายุน้อยกว่า

 

“ส่งเกอแค่นี้พอ ไปร้านเน็ตเดี๋ยวโม่งก็แตกหรอก!”

 

มองคนที่ปิดหน้าตามิดชิดก็นึกขัน ยังไม่ทันได้หันหลังเสื้อโค้ทที่พึ่งส่งคืนก็ถูกสะบัดคลุมรอบหัวเขาอีกครั้ง บุหรี่ถูกดึงออกจากปาก แทนที่ด้วยความนุ่มหยุ่นที่นาบลงมาเพียงครู่เดียวก็หายไป

 

ได้ยินเสียงพึมพำว่าเหม็นบุหรี่ จากนั้นเยี่ยซิวทำหน้าเหลอหลาเมื่อแท่งในมือของซุนเสียงถูกขยี้จนดับไป สุดท้ายก็ได้แต่หัวเราะเหอๆ หยิบมวนใหม่ขึ้นมาสูบแทนท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของชายหนุ่มรุ่นน้อง

 

ซุนเสียงยืนรอจนกว่าร่างของอีกฝ่ายจะหายเข้าไปในซิงซิน แล้วจึงหมุนตัวกลับมา หัวใจวูบโหวงเมื่อฝ่ามือว่างเปล่ายังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย

 

 

 

ระหว่างพวกเขามีถนนเส้นหนึ่งกั้นอยู่

 

 

ทั้งที่ใกล้กันเพียงหนึ่งถนน

 

 

แต่กลับไกลแสนไกลจนสุดเอื้อมคว้า

 

 

 

 

 

 

TBC

 


 

ที่จริงเป็นวันช็อต แต่ว่ามันยาวเกินเลยขออนุญาตหั่นเป็นสองตอน ต่อเมื่อกาวมาค่ะ แงงง

ปล.อยากอ่านซุนเยี่ยจังเลย เสี่ยวซึนตัวน้อยของพี่ o<-<

 

ใส่ความเห็น